Ke Huy Quan คือเจ้าของรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมคนล่าสุดจากเวทีออสการ์ ครั้งที่ 94 และเป็นการเข้าชิงครั้งแรกจากภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเรื่อง Everything Everywhere All At Once ที่ออกฉายไปเมื่อปีก่อน และกวาดทุกคำชมและสร้างกระแสปากต่อปากไปทั่ว
แต่กว่าชีวิตจะพาเขามาถึงเวทีออสการ์และถือรางวัลกลับบ้าน เขาเคยต้องโยกย้ายออกจากบ้านเกิดระหว่างภาวะสงคราม ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากที่ขนาดเขายังกล่าวในสปีชรับรางวัลว่า “พวกเขาบอกว่าเรื่องราวแบบนี้มันเกิดขึ้นได้แค่ในหนังเท่านั้นแหละ” และการต่อสู้บนเส้นทางการแสดงที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบก็ทำให้รางวัลในวันนี้ของเขามันควรค่าแก่การได้มาอย่างแท้จริง
จากผู้อพยพสงครามสู่สหรัฐอเมริกา
“การเดินทางของผมเริ่มต้นขึ้นบนเรือ และผมใช้เวลาเป็นปีในค่ายผู้ลี้ภัย และไม่ว่าอะไรก็ตาม ตอนนี้ผมมาอยู่ตรงนี้ บนเวทีที่ใหญ่ที่สุดของวงการฮอลลีวูด” นี่คือสปีชกล่าวรับรางวัลของ Ke Huy Quan บนเวทีออสการ์ ซึ่งเผยให้เห็นเส้นทางการต่อสู้ในการเป็นนักแสดงของเขาที่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
Quan เติบโตในเมืองไซ่ง่อน ประเทศเวียดนาม ในปี 1971 และในระหว่างภาวะสงครามเวียดนาม เขาและครอบครัวของเขาทั้งหมดลี้ภัยออกจากประเทศในปี 1978 และในช่วงนั้นเองที่ครอบครัวของเขาแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง โดย Quan นั้นได้ถูกส่งไปยังแคมป์ผู้ลี้ภัยในฮ่องกงร่วมกับพ่อและพี่น้องบางส่วนของเขา ส่วนแม่และพี่น้องคนอื่นๆ นั้นย้ายไปอาศัยอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนที่พวกเขาจะกลับมาพร้อมกันอีกครั้งเมื่อเข้าโปรแกรมช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและย้ายไปที่สหรัฐอเมริกา
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตการเป็นนักแสดงของ Ke Huy Quan วัย 51 ปีคนนี้ และในระยะเวลา 4 ปีหลังจากนั้น เขาถึงจะได้พบกับกลุ่มบุคคลที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งก็คือ Steven Spielberg และ George Lucas ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ชื่อดังนั่นเอง
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones and the Temple of Doom (1984)
บทเปลี่ยนชีวิตใน Indiana Jones
Steven Spielberg และ George Lucas กำลังมองหานักแสดงเด็กเอเชียสำหรับบทในภาพยนตร์เรื่อง Indiana Jones and the Temple of Doom ที่ออกฉายในปี 1984 ซึ่งตอนนั้นทีมแคสต์ก็ไปมองหานักแสดงที่ต้องการไปทั่วเมือง จนกระทั่งมีการประกาศเรียกแคสต์ในย่านไชน่าทาวน์ของเมืองลอสแอนเจลิส
“น้องชายของผมก็ไปออดิชันด้วย และผมก็ไปกับเขา ไปยืนอยู่หลังกล้อง พยายามจะโค้ชเขาให้แสดง ซึ่งตอนนั้นหัวหน้าทีมแคสต์ก็เดินมาเห็นผมและถามว่าอยากจะลองดูบ้างไหม? และวันต่อมาทีมของ Spielberg ก็โทรเรียกให้ผมไปพบ”
Quan ยังเล่าให้นิตยสาร Entertainment Weekly ฟังอีกว่า ครั้งแรกที่เขาได้เจอกับ Spielberg ผู้กำกับใหญ่เดินเข้ามากอดเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่หลังจากนั้นเขาจะได้พบกับ George Lucas และ Harrison Ford เจ้าของบท Indiana Jones และในระยะเวลาเพียงไม่นานนัก การทำงานของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เริ่มต้นขึ้นในประเทศศรีลังกา และนี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของ Ke Huy Quan ในวัย 12 ปี เพราะนอกเหนือจากจะได้เล่นในภาพยนตร์ระดับบล็อกบัสเตอร์แล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสนใจในเรื่องศิลปะการต่อสู้ โดยเฉพาะเทควันโด
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Everything Everywhere All At Once
นักแสดงที่อยากทำงาน แต่ไม่ค่อยมีงานให้ทำ
“การเติบโตจากนักแสดงเด็กไปเป็นนักแสดงผู้ใหญ่ว่ายากแล้ว แต่ถ้าคุณเป็นนักแสดงเอเชียมันจะยากขึ้นไปอีก 100 เท่า” Ke Huy Quan ให้สัมภาษณ์กับ Telegraph ไว้ถึงการต่อสู้บนเส้นทางการเป็นนักแสดงของเขา
แม้หลังจากการแสดงใน Indiana Jones and the Temple of Doom จะดูสดใส เพราะเขาได้รับโอกาสในการแสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่องทั้ง The Goonies (1985) หรือ Encino Man (1992) ที่เขาได้แสดงร่วมกับ Brendan Fraser เจ้าของรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก The Whale ซึ่งกลายเป็นโมเมนต์น่าจดจำสุดๆ ของออสการ์ในปีนี้ ที่ทั้งนักแสดงนำชายและสมทบชายต่างเคยมีประสบการณ์ร่วมกันในวงการการแสดงมาก่อน และยังมีเส้นทางในวงการที่ไม่สวยงามนักทั้งคู่
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Encino Man (1992)
และภาพยนตร์เรื่องนี้เองก็แทบจะเป็นโอกาสท้ายๆ ในวงการฮอลลีวูดของ Ke Huy Quan ก่อนที่เขาจะตัดสินใจออกไปมองหาโอกาสอื่นๆ จากที่อื่นๆ เขาตัดสินใจเรียนทางด้านภาพยนตร์ที่ University of Southern California และโอกาสแรกของเขาคือการรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยของ Corey Yuen ผู้กำกับคิวแอ็กชันในภาพยนตร์เรื่อง X-Men (2000) และภาพยนตร์ที่มี Jet Li นำแสดงอย่าง The One (2001) นอกจากนี้เขายังนั่งแท่นเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในเรื่อง 2046 ของ Wong Kar Wai ในปี 2004 ด้วย
“หลังจากหนัง 2 เรื่องแรกของผม มันมีโอกาสน้อยนิดมากๆ เกิดขึ้นหลังจากนั้น ผมอยากทำงาน อยากทำการแสดงแบบนี้อีก ผมเลยคิดว่ามันคงมีโอกาสอยู่ที่อื่นๆ แหละ ผมไปเล่นหนังที่ญี่ปุ่น ทำหลายโปรเจกต์ในไต้หวันและฮ่องกง มันเป็นสิ่งที่ทำให้ผมยังสามารถเข้าใกล้การแสดง ได้อยู่กับมัน เพราะโอกาสในสหรัฐอเมริกามันน้อยมากจริงๆ”
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asians (2018)
ไฟแห่งความหวังจาก Crazy Rich Asians
แม้จะไม่ได้แสดงในภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่แสดงโดยนักแสดงเอเชียทั้งเรื่องอย่าง Crazy Rich Asians ในปี 2018 แต่นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดในชีวิตเขา เพราะมันจุดไฟแห่งความหวังในฮอลลีวูดของเขาขึ้นอีกครั้ง ในวันที่เขาแทบจะทิ้งบทบาทฐานะนักแสดงไว้ข้างหลังเขาแล้ว
“ผมดูหนังเรื่องนี้ไปสามรอบในโรง คือผมรู้สึกสบายตัวสบายใจที่จะใช้ชีวิตอยู่โดยไม่ได้แสดงหนังแล้วนะ แต่การดูหนังเรื่องนี้มันทำให้ผมรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรขาดหายไป ผมร้องไห้ทุกรอบที่ดู เพราะผมเห็นเพื่อนๆ นักแสดงเชื้อสายเอเชียอยู่บนจอ และผมกลัวมากๆ ที่จะถูกลืม ผมอยากอยู่บนจอนั้นกับพวกเขาบ้าง”
หลังจากดู Crazy Rich Asians ไปสามรอบ ร้องไห้ไปสามรอบ Ke Huy Quan ตัดสินใจโทรหาเพื่อนของเขาที่เป็นเอเจนต์จัดหางานแสดงทันที และสองสัปดาห์หลังจากนั้นเขาก็ได้รับสายว่ามีโปรเจกต์หนึ่งของผู้กำกับ Daniels และมี Michelle Yeoh นำแสดง ซึ่งชื่อของนักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์นำหญิงยอดเยี่ยมคนล่าสุดนี่แหละ คือส่วนสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจรับเล่นงานนี้ และแม้จะห่างหายจากงานแสดงไปกว่า 20 ปี แต่การออดิชันของเขาก็ทำให้ผู้กำกับทั้ง Daniel Kwan และ Daniel Scheinert ประทับใจอย่างมาก ซึ่ง Quan เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า การตัดสินใจของเขาครั้งนี้ในวัย 50 ปี มันต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมากที่จะกลับมาเดินตามความฝันอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เขาทิ้งมันไปแล้ว และเขาก็แทบไม่เชื่อว่ามันจะมีหนทางให้เขากลับมาจนได้!
“ผมคิดว่าจะได้เล่นบทเล็กๆ แต่ผมก็ไม่คิดว่าบทนี้มันจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ไม่คิดไม่ฝันว่าบทแบบ Waymond ที่อยู่ตรงหน้าจะมาถึงมือผม และนี่คือบทที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านมา”
ภาพจากภาพยนตร์เรื่อง Everything Everywhere All At Once
‘สักวันมันจะเป็นเวลาของผม’
หลังจากภาพยนตร์เรื่อง Everything Everywhere All At Once ออกฉาย เหล่าผู้ชมและนักวิจารณ์ก็ต่างพูดถึงบทบาทของเขากันทั่ว และการกวาดไปถึง 7 รางวัลออสการ์ก็เป็นการการันตีถึงความยอดเยี่ยมที่ภาพยนตร์เรื่องนี้มี ไม่ว่าจะเป็นรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม, นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม, กำกับยอดเยี่ยม, ตัดต่อยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และเหมือนกับการเกิดใหม่อีกครั้งของนักแสดงที่ชื่อ Ke Huy Quan
“ผมติดค้างทุกสิ่งอย่างในชีวิตกับ Echo ภรรยาของผมที่ใช้ชีวิตอยู่กับผมมาตลอด 20 ปี เขาบอกผมเสมอว่า ‘สักวันมันจะเป็นเวลาของผม’ ความฝันมันคือสิ่งที่คุณต้องเชื่อและศรัทธา ผมเกือบจะยอมแพ้กับตัวเองไปแล้ว – สำหรับคนอื่นๆ ที่ยังตามฝันอยู่ โปรดทำมันต่อไป ขอบคุณมากๆ ที่ต้อนรับการกลับมาของผม ขอบคุณมากๆ”
Ke Huy Quan กล่าวสปีชของเขาหลังรับรางวัลออสการ์ เต็มไปด้วยคราบน้ำตาและรอยยิ้ม รวมไปถึงการกล่าวไปถึงแม่ของเขาที่กำลังชมอยู่ที่บ้านว่า ลูกชายของเขาคนนี้ทำได้แล้ว เป็นเจ้าของรางวัลออสการ์ได้แล้ว! นับเป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำที่สุดครั้งหนึ่งของเขา และยังเป็นโมเมนต์ที่ยิ่งใหญ่เหลือเกินสำหรับนักแสดงเอเชียบนเวทีออสการ์ และเป็นบทพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่ว่า ทุกคนต่างมีเวลาที่ใช่เป็นของตัวเอง และหลังจากภาพยนตร์ออกฉาย Quan ได้พบเจอนักแสดงเอเชียหลายๆ คนที่ทำงานอยู่ในฮอลลีวูด และพวกเขาต่างยินดีที่ได้เห็น Quan บนจอ และนั่นเป็นเหมือนการปูทางให้กับนักแสดงเอเชียคนอื่นๆ ด้วย
“ผมนึกไม่ออกเลยว่าจะมีคนแบบผมอีกกี่คน ทั้งคนที่อายุมากหรืออายุยังน้อยที่กำลังฝันแบบนี้เหมือนผม และแอบซุกมันไว้ในใจมาหลายต่อหลายปี ถ้าคุณถามว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้อะไรกับผู้ชม ผมหวังว่ามันจะเป็นไฟแห่งความหวังให้กับนักล่าฝันคนอื่นๆ ได้”
อ้างอิง:
- https://www.biography.com/actors/a43236892/how-crazy-rich-asians-inspired-ken-huy-quan-return-to-acting
- https://ew.com/movies/short-round-everything-everywhere-all-at-once-ke-huy-quan/
- https://www.thenationalnews.com/arts-culture/2023/03/13/ke-huy-quans-historic-journey-from-refugee-to-oscar-winner/
- https://www.bbc.com/news/entertainment-arts-64935656