นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และ บริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่า ปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 8% ยังไม่รวมผลกระทบจากโควิด-19 ซึ่งหากสถานการณ์ยืดเยื้อถึงเดือนมีนาคม 2563 ทำรายได้รวมลดลง 1% หรือเติบโตเหลือ 7%
“ปีนี้รายได้รวมน่าจะเติบโตได้ 8% สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน แต่ยังไม่รวมโควิด-19 โดยเราประเมินว่า หากสถานการณ์ไวรัสยืดเยื้อถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2563 จะกระทบต่อรายได้ 1% ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือกับผู้เช่าพื้นที่ และให้การช่วยเหลือให้เร็วที่สุด” นภารัตน์ กล่าว
บริษัทประเมินว่า มีศูนย์การค้า 8 แห่ง ที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ พัทยา ภูเก็ต รวมถึงเซ็นทรัลเวิลด์ ช่วงที่ผ่านมานักท่องเที่ยวหายไปถึง 30-40% ซึ่งต้องรอประเมินสถานการณ์อีกครั้งถึงผลกระทบต่อรายได้รวม เพราะต้องรอให้ผู้เช่ารายงานยอดขายในรอบเดือนมาก่อน นอกจากนี้ จากการที่ลูกค้าชาวจีนหายไป ทำให้บริษัทต้องทำการตลาดมากขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้าอื่นๆ เช่น อินเดีย กลุ่ม CLMV และเอเชีย ที่ยังมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ปีนี้บริษัทมีแผนปรับปรุงศูนย์การค้า ได้แก่ เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช, เซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสรุปแผน โดยเบื้องต้นกำหนดแล้วเสร็จภายในปี 2564 รวมถึงการปรับปรุงอีก 8 ศูนย์การค้าที่จะแล้วเสร็จภายในปี 2563 พร้อมพัฒนาโครงการใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา, เซ็นทรัลพลาซา ศรีราชา, เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี ที่เป็นพื้นที่ศักยภาพสูง และ กำหนดเปิดให้บริการภายในปี 2564 เช่นเดียวกัน
ปัจจุบันบริษัทมีศูนย์การค้าเปิดให้บริการรวม 34 แห่ง แบ่งเป็นในไทย 33 แห่ง และต่างประเทศ 1 แห่ง ด้วยอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ย 93% จากพื้นที่เช่ารวมกว่า 1.8 ล้านตารางเมตร ซึ่งสามารถรักษาค่าเช่า และการเพิ่มค่าเช่าพื้นที่ได้ดีต่อเนื่อง และยังมีพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้นหลังการปรับปรุงพื้นที่ของศูนย์การค้าทยอยแล้วเสร็จ เช่น เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี, เซ็นทรัลพลาซา เชียงราย, เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว และเซ็นทรัลเวิลด์
บริษัทตั้งเป้าหมายระยะ 5 ปี (2563-2567) มีรายได้รวมเติบโต 12% ต่อปี จากการรักษาอัตราการเช่าให้อยู่ในระดับที่ดี และการรับรู้รายได้มากขึ้นหลังจากการทยอยปรับปรุงพื้นที่ของศูนย์การค้าต่างๆ และเพิ่มพื้นที่เช่าให้เป็น 2.5 ล้านตารางเมตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.8 ล้านตารางเมตร ประกอบกับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม 10 แห่ง อาคารสำนักงานมากกว่า 2 แห่ง และโครงการมิกซ์ยูสต่างๆ รวมถึงการพัฒนา และเปิดศูนย์การค้าใหม่อีก 15 แห่ง ซึ่งมีที่ดินรองรับไว้แล้วประมาณ 1,000 ไร่
นอกจากนี้ ยังมุ่งพัฒนาการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม และกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้วางงบลงทุนปีละ 22,000-24,000 ล้านบาท มาจากกระแสเงินสดในมือ และการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ตลอดจนการออกหุ้นกู้
และปีนี้บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้วงเงินประมาณ 1,500 ล้านบาท นำเงินไปใช้ชำระหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดในปีนี้ และมีนาคมนี้ มีเงินจากการเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมประมาณ 17,000 ล้านบาท
ด้านความคืบหน้าของโครงการมิกซ์ยูส ดุสิตธานีโฉมใหม่ ‘Dusit Central Park’ มิกซ์ยูสใจกลางเมือง รวมห้างฯ-ออฟฟิศ-โรงแรม-คอนโดในที่เดียว ปัจจุบันเริ่มถมที่ดิน และเริ่มก่อสร้างโครงสร้างแล้ว ซึ่งกำหนดแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
รายงาน: กรณัช พลอยสวาท
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์