ตอนนี้ ‘ธุรกิจ’ กับ ‘สิ่งแวดล้อม’ กลายเป็นสิ่งที่ต้องเดินควบคู่ไปด้วยกันแล้ว
เรื่องนี้ชี้ชัดได้จากงานวิจัยของ Fanny Hermundsdottir และ Arild Aspelund จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนอร์เวย์ ที่ศึกษาย้อนหลัง 15 ปี เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่าง ‘การลงทุนในด้านสิ่งแวดล้อม’ และ ‘ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ’
สิ่งที่น่าสนใจคือ มีบริษัทเพียง 2% เท่านั้นที่มีศักยภาพทางธุรกิจลดลงเมื่อลงทุนเพิ่มในนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม เพราะการลงทุนของธุรกิจเพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นการสร้างมูลค่าและเพิ่มความสามารถให้ธุรกิจ
ผลการศึกษาชี้ว่า บริษัทส่วนใหญ่ได้มากกว่าเสียในการลงทุนในสิ่งแวดล้อม โดยธุรกิจมากถึง 64% มีศักยภาพทางธุรกิจเพิ่มขึ้น
โดยหนึ่งในแนวทางของธุรกิจที่สามารถนำเรื่องสิ่งแวดล้อมเข้ามาผูกด้วยกันได้คือ การออก ‘หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม’ หรือ Green Bond
เนื่องจาก ‘การลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม’ กำลังเป็นประเด็นที่นักลงทุนตลอดจนผู้บริโภคกำลังให้ความสำคัญ Bloomberg รายงานว่า บริษัทต่างๆ เป็นผู้นำด้วยประมาณ 65% ของ Green Bond ทั่วโลก และสิ่งที่น่าสนใจคือ บริษัทในตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) เพิ่มการออก Green Bond โดยเติบโต 6 เท่าใน 4 ปีที่ผ่านมา
รายงานของ Bloomberg ระบุด้วยว่า ยุโรปตะวันตกคิดเป็น 50% ของ Green Bond ทั่วโลก ตามมาด้วยจีนแผ่นดินใหญ่ที่เป็นสัดส่วน 15% โดยฝรั่งเศสยังคงเป็นผู้ออก Green Bond รายใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยมูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย เยอรมนี อิตาลี และสหราชอาณาจักร ที่ออก Green Bond
แม้ Green Bond อาจจะยังเห็นได้ไม่มากนักในประเทศไทย ซึ่งตอนนี้มี 1 องค์กรยักษ์ใหญ่ของไทยที่กำลังจะออก Green Bond นั่นคือ ‘บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)’ หรือ CPN
การออกครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกของไทย โดย CPN ได้ร่วมมือกับธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เพื่อการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) การจัดการน้ำและน้ำเสียอย่างยั่งยืน (Sustainable Water & Wastewater Management) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) อาคารสีเขียว (Green Buildings) และโครงการที่เข้าข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอื่นๆ
เป้าหมายคือการลงทุนสำหรับกิจการหรือบริษัทในเครือ ซึ่งประกอบด้วยโครงการมิกซ์ยูสรูปแบบต่างๆ ทั้งโครงการศูนย์การค้าเซ็นทรัล ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ รวมถึงโครงการอื่นๆ ในอนาคต ทั้งในและต่างประเทศตามแผนงานที่วางไว้
ขณะเดียวกันยังมีธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank: ADB) ได้ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิคภายใต้กรอบความร่วมมือตลาดตราสารหนี้ของภูมิภาคอาเซียน+3 หรือ ASEAN+3 Asian Bond Markets Initiative (ABMI) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาตลาดตราสารหนี้สกุลเงินท้องถิ่นที่ยั่งยืนในอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี (รวมเรียกว่า ASEAN+3) และธนาคารยูโอบี ประเทศไทยเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ด้วย
“การเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมครั้งนี้ นับเป็นหนึ่งในแผนงานตามเจตนารมณ์ของบริษัท ที่ให้ความสำคัญเรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม หรือ Better Planet อย่างจริงจัง ตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และแผนงาน Journey to Net Zero ภายในปี 2050” นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยง และฝ่ายบริหารความเป็นเลิศและการพัฒนาที่ยั่งยืนของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าว
“เซ็นทรัลพัฒนาถือว่าสิ่งนี้เป็น Commitment ที่สำคัญของเราทุกคน และในฐานะตัวแทนของภาคเอกชนที่ผูกพันกับสังคมไทยมากว่า 40 ปี ที่ต้องการส่งต่อสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับโลกใบนี้”
การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทออกและเสนอขายให้กับนักลงทุนสถาบันจำนวน 2,000 ล้านบาท จัดจำหน่ายโดยธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ประกอบด้วยหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อายุ 3 ปี จำนวน 1,000 ล้านบาท และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน อายุ 3.5 ปี จำนวน 1,000 ล้านบาท โดยได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ ‘AA’ แนวโน้ม ‘คงที่’ โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด
ที่ผ่านมา CPN ได้ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นบริษัทอสังหาหนึ่งเดียวในไทยที่เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI World ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และ DJSI Emerging Markets ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 และตั้งเป้าเป็นองค์กร Mixed-Use Development รายแรกของไทย ด้วยแผนระยะยาวที่ต้องการเป็น Net Zero Carbon Emission ให้ได้ภายในปี 2050
สานต่อแนวคิด Journey to Net Zero และเจตนารมณ์ของแบรนด์ Imagining Better Futures for All โดยมีแผนงานโรดแมปลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษจากธุรกิจสุทธิเป็นศูนย์ ในธุรกิจศูนย์การค้า ที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศ ผ่านการลดการใช้พลังงานให้ได้ 50% ลดการใช้ CFC และสารที่ทำลายชั้นบรรยากาศ และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดหรือ Clean Energy ให้ได้อีก 50% นอกจากนี้เรายังตั้งเป้าปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งภายในและภายนอกโครงการให้ได้ถึง 1 ล้านต้นโดยเร็ว
โดยผู้สนใจสามารถรับชมคลิปเกี่ยวกับกิจกรรมด้านความยั่งยืนของ CPN ได้ที่
อ้างอิง: