ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ‘เซ็นทรัลพัฒนา’ ได้เปิดให้บริการโรงแรมใหม่ GO! Hotel และคอนโดมิเนียมเอสเซ็นท์ เพชรบุรี ไปเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเผยตัวเลขกำไรสุทธิไตรมาส 2 อยู่ที่ 3,678 ล้านบาท โต 34% และมีรายได้รวม 11,133 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน จากนี้ลุยโครงการใหม่ พร้อมศึกษาหาโอกาสลงทุนในต่างประเทศ สร้างการเติบโตต่อเนื่อง
“ต่อจากนี้เตรียมขยายธุรกิจตามแผนธุรกิจ 5 ปี เริ่มตั้งแต่การพัฒนาโครงการใหม่ ซึ่งมีทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) โครงการที่พักอาศัย รวมถึงแผนการปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า ควบคู่กับการศึกษาโอกาสลงทุนธุรกิจในต่างประเทศ” นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงิน บัญชี และบริหารความเสี่ยงของเซ็นทรัลพัฒนากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
โดยตลาดที่น่าสนใจอยู่ในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซียและเวียดนาม เพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่ ให้สอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้าหมายในอนาคตอย่างยั่งยืน
สำหรับโครงการที่เตรียมเปิดในปีนี้ ได้แก่ โรงแรม Centara Ayutthaya, โรงแรม Centara One Rayong, โรงแรม GO! Hotel อยู่ติดกับเซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี และโครงการที่อยู่อาศัย 6 โครงการ ได้แก่ NIRATI นครศรีธรรมราช บ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ 3 โครงการ และคอนโดมิเนียม ESCENT 2 โครงการ
รวมถึงโครงการ Mega Mixed-use ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ที่ร่วมพัฒนากับบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) โดยจะทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
ส่วนโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและเตรียมเปิดในปี 2566-2567 ประกอบไปด้วย ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ กำหนดเปิดวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566, เซ็นทรัล นครสวรรค์ กำหนดเปิด 1Q67, เซ็นทรัล นครปฐม กำหนดเปิด 2Q67 และเซ็นทรัล กระบี่ กำหนดเปิด 4Q67
สิ่งสำคัญที่ต้องให้น้ำหนักคือการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน เพื่อรองรับกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/66 มีรายได้รวม 11,133 ล้านบาท โต 22% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,678 ล้านบาท โต 34% จากปีก่อน ซึ่งรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นมาจากทุกธุรกิจ โดยเฉพาะศูนย์การค้าและธุรกิจที่อยู่อาศัย
โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศที่ดีขึ้น ประกอบกับการเร่งขยายธุรกิจ Non-retail ในโครงการมิกซ์ยูสตามแผนที่วางไว้ ได้แก่ โรงแรม GO! Hotel อยู่ติดกับโรบินสันบ้านฉาง และคอนโดมิเนียมเอสเซ็นท์ เพชรบุรี
ขณะที่กองทรัสต์ CPNREIT ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ ได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 ซึ่งผู้ถือหน่วยได้อนุมัติต่อสัญญาเช่าและเพิ่มทุน คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในครึ่งหลังของปี 2567
ทั้งนี้ บริษัทฯ และ CPNREIT เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเป็นประโยชน์และช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งต่อผู้ถือหุ้นบริษัทฯ และผู้ถือหน่วยทรัสต์ CPNREIT โดยกระแสเงินสดสุทธิที่บริษัทฯ จะได้รับจะถูกนำไปเป็นหนึ่งในเงินทุนหมุนเวียนสำหรับสร้างการเติบโตตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม CPNREIT ได้รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/66 เติบโตไปในทิศทางเดียวกับ CPN มีรายได้รวม 1,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน จากการฟื้นตัวในทุกธุรกิจ รายได้จากศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานเติบโต 15% อัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยทรงตัวระดับสูงที่ 92.6% และจำนวนผู้มาใช้บริการศูนย์การค้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า และรายได้จากโรงแรมโต 16%
ส่วนใหญ่มาจากจำนวนผู้เข้าพักชาวไทยและชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเกินกว่าคาด พร้อมทั้งเดินหน้าจ่ายประโยชน์ตอบแทนในอัตรา 0.2900 บาทต่อหน่วย คิดเป็นอัตราผลตอบแทน (Yield) สูงประมาณ 11%