บอร์ด ‘เจริญโภคภัณฑ์อาหาร’ ไฟเขียวเปิดโครงการซื้อหุ้นของบริษัทคืนจากตลาด จำนวน 4.65% คิดเป็นราคาเฉลี่ย 25 บาทต่อหุ้น เริ่มวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ถึง 14 เมษายน 2465 พร้อมอนุมัติให้ดำเนินการถอดหุ้น CPP ออกจากตลาดหุ้นฮ่องกง
บมจ.บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ CPF แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า คณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) เพื่อบริหารทางการเงิน (บริหารสภาพคล่องส่วนเกินให้มีประสิทธิภาพ) วงเงินไม่เกิน 10,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืน 400 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็น 4.65% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด
โดยการซื้อหุ้นคืนดังกล่าว จะดำเนินการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ถึง 14 เมษายน 2565
ทั้งนี้ วงเงิน 10,000 ล้านบาท ในการซื้อหุ้นคืนจำนวน 400 ล้านหุ้น คิดเป็นราคาเฉลี่ย 25 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าราคาในตลาด ปิดที่ 25.75 บาทในวันที่บอร์ดมีมติ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีกำไรสะสมเท่ากับ 53,106 ล้านบาท มีหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะซื้อหุ้นคืนเท่ากับ 4,300 ล้านบาท ขณะที่มีเงินสดคงเหลือจำนวน 5,852 ล้านบาท โดยบริษัทประมาณการว่าจะมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานและเงินปันผล
ดังนั้น บริษัทจึงมีสภาพคล่องเพียงพอในการชำระหนี้ที่จะถึงกำหนดชำระในอีก 6 เดือนข้างหน้านับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืน และมีเงินสดคงเหลือเพียงพอต่อการซื้อหุ้นคืนตามโครงการ
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ CPF Investment Ltd. (CPFI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้นทั้งหมด ดำเนินการนำหุ้นสามัญทั้งหมดของ C.P. Pokphand Co.Ltd. (CPP) ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (HKEX) ตามขั้นตอนภายใต้มาตรา 99 ของ Companies Act แห่งประเทศเบอร์มิวดา
ทั้งนี้ จำนวนเงินสูงสุดที่ต้องชำระภายใต้โครงการนี้คิดเป็นประมาณ 6,991.27 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือเทียบเท่าประมาณ 30,716 ล้านบาท
เมื่อโครงการดังกล่าวได้รับการอนุมัติและดำเนินการแล้วเสร็จ HKEX จะเพิกถอนหุ้น CPP ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ทั้งนี้ CPP และ CPFI ได้ร่วมกันเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการนี้ตามหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลของ HKEX เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การนำหุ้นสามัญทั้งหมดของ CPP ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนใน HKEX จะช่วยให้เจ้าของโครงการ (CPFI) และ CPP สามารถตัดสินใจด้านกลยุทธ์ โดยมุ่งเน้นการเติบโตและประโยชน์ในระยะยาวที่ปราศจากความกดดันเกี่ยวกับความคาดหวังในด้านราคาหุ้น และความผันผวนของราคาหุ้น อันเนื่องมาจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน นอกจากนี้ การทำรายการดังกล่าวจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารและทรัพยากรบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการดำรงสถานะการเป็นบริษัทจดทะเบียน และการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังช่วยให้ CPFI และ CPP มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการธุรกิจเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP