×

CPAXT – กำไร 2H67 และปี 2568 จะเติบโตเด่นกว่ากลุ่มพาณิชย์

03.10.2024
  • LOADING...
cpaxt

เกิดอะไรขึ้น:

รัฐบาลใหม่อนุมัติมาตรการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการ โดยเริ่มทยอยจ่ายตั้งแต่วันที่ 25-30 กันยายน CPAXT เป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์รายหลักของกลุ่มพาณิชย์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล 

 

เห็นได้จากโมเมนตัม SSS ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนกันยายน InnovestX Research ประเมิน SSS Growth ของ CPAXT ได้ที่ 5%YoY ในธุรกิจ B2C และ 2-3%YoY ในธุรกิจ B2B ในเดือนกันยายน เร่งตัวขึ้นจาก 2%YoY ในธุรกิจ B2C และธุรกิจ B2B ใน 3Q67 

 

โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่ฟื้นตัวดีขึ้นในกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร ยอดขายที่ดีขึ้นจากร้านค้าขนาดใหญ่ (ไฮเปอร์มาร์เก็ตและซูเปอร์มาร์เก็ตในธุรกิจ B2C และบางส่วนเกิดจากร้าน Eco Plus ในธุรกิจ B2B) และร้านค้าที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด (โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ) 

 

ทั้งนี้ ยังไม่รวม Upside จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคน หรือการแจกเงิน 10,000 บาท ที่รัฐบาลตั้งเป้าแจกให้กับประชาชน 30 ล้านคนที่เหลือภายใต้โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดและระยะเวลาของมาตรการที่ชัดเจน โดยประเมินว่า SSS Growth ที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 1% จะหนุนให้กำไรของ CPAXT เติบโตเพิ่มขึ้น 1%

 

สำหรับกำไร 2H67 จะเติบโตแข็งแกร่ง YoY โดยคาดว่ากำไรปกติ 3Q67 ของ CPAXT จะเติบโตโดดเด่นกว่าบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันจาก SSS Growth ที่แข็งแกร่ง (เพิ่มขึ้น 2%YoY เทียบกับลดลง 1%YoY ของบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มโดยเฉลี่ย) 

 

โดยได้แรงหนุนจากยอดขายสินค้าอาหารที่แข็งแกร่งท่ามกลางยอดขายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารที่ฟื้นตัวดีขึ้น สัดส่วนยอดขายสินค้ามาร์จิ้นสูงที่เพิ่มขึ้นทั้งจากธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C และการควบคุมอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A / ยอดขาย (ค่าสาธารณูปโภคและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงจากการปิดร้านขนาดเล็กในธุรกิจ B2C ที่ไม่สามารถทำกำไรได้ไปก่อนหน้านี้) แต่จะอยู่ในระดับทรงตัว / ลดลงเล็กน้อย QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่กำไร 4Q67 จะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ สู่ระดับสูงที่สุดของปีนี้

 

หลังจากรวมธุรกิจ B2B กับธุรกิจ B2C ผ่านการควบรวมแล้วจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ InnovestX Research คาดการณ์ถึงผลกระทบที่เป็นกลางในระยะสั้น และผลกระทบเชิงบวกจาก Synergy ในระยะกลางถึงระยะยาว เมื่ออิงกับงบการเงินเสมือนก่อนและหลังการทำธุรกรรมดังกล่าวในปี 2565 – 1H67 รายการที่สำคัญในงบกำไรขาดทุนและงบดุลของ CPAXT นั้นแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง 

 

ในด้าน Synergy CPAXT ตั้งเป้า Synergy จากการควบรวมไว้ที่ 5 พันล้านบาทใน 4Q67 ถึงปี 2570: 2.5 พันล้านบาท (50%) จะเกิดจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น และต้นทุนทางการเงินที่ลดลง (เริ่มเห็นใน 4Q67 จากการประหยัดค่าใช้จ่ายใน Back Office และจะมี Synergy ที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วงกลางปี 2568 จากการจัดซื้อร่วมกัน และการนำสินค้ามาบรรจุแพ็กเกจขนาดเล็กและขนาดใหญ่เพื่อขาย) และ 2.5 พันล้านบาท (50%) จากการลดรายจ่ายลงทุน 

 

ทั้งนี้ ได้รวมเอา P&L Business Synergy หลังควบรวมที่ 1.7 พันล้านบาทใน 4Q67 – ปี 2570 เข้ามาไว้ในประมาณการตามหลักความระมัดระวังแล้ว (ต่ำกว่าเป้าของบริษัทที่ 2.5 พันล้านบาท) ซึ่งหมายถึงการรวมเอากำไรปกติที่เติบโตเฉลี่ย 3-4% ต่อปี เข้ามาไว้ในประมาณการปี 2568-2570 ไปแล้ว 

 

กระทบอย่างไร:

วันที่ 3 ตุลาคม 2567 ราคาหุ้น CPAXT (หลัง CPAXTT และ Ek-Chai ควบบริษัท) ปรับขึ้น 1.54% อยู่ที่ 33.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.0% อยู่ที่ 1,451.33 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

ปัจจุบันหุ้น CPAXT ซื้อขายที่ P/E ปี 2568 ระดับ 28 เท่า สูงกว่า P/E ปี 2568 เฉลี่ยของหุ้นในกลุ่มที่ 23 เท่า สะท้อนถึงการที่ CPAXT จะมีกำไรปี 2568 เติบโตดีที่สุดในกลุ่ม (เพิ่มขึ้น 19%YoY เทียบกับกลุ่มเติบโตเฉลี่ย เพิ่มขึ้น 14%YoY) โดยยังคงคำแนะนำ Outperform สำหรับ CPAXT โดยให้ราคาเป้าหมายกลางปี 2568 อ้างอิงวิธี DCF (WACC 7.0% และการเติบโตระยะยาวที่ 2.5%) ที่ 40 บาทต่อหุ้น 

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลและกำลังซื้อ ความเสี่ยง ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงานและของเสีย ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน (E) และการบริหารจัดการคุณภาพผลิตภัณฑ์ แนวปฏิบัติด้านแรงงาน และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล (S)

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X