บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 ในภาพรวมพบว่า บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 143,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 10.6% โดยปัจจัยหลักมาจากการขายสินค้าและบริการที่เพิ่มสูงขึ้นจากธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าระบบสมาชิกแบบชำระเงินสดและบริการตนเอง หรือสยามแม็คโคร
โดยในไตรมาส 2.2562 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 4,795 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการเติบโตของกำไรยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ขณะเดียวกันยังมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนด้วย ทำให้กำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวมในไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 0.51 บาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปี 2562 พบว่า มีรายได้รวม 282,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากการขายสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีกำไรสุทธิครึ่งปีอยู่ที่ 10,564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% และมีกำไรต่อหุ้นตามงบการเงินรวม 1.12 บาท
ด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารของบริษัทและบริษัทย่อยอยู่ที่ 28,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% จากปีก่อน ค่าใช้จ่ายกลุ่มต้นทุนในการจัดจำหน่าย 23,870 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.9% โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายจากการขยายสาขาในประเทศและค่าใช้จ่ายที่ผันแปรตามยอดขาย เช่น ค่าโฆษณาและส่งเสริมการขาย ค่าบริหารงานร้านสะดวกซื้อ และค่าสาธารณูปโภค ขณะที่กลุ่มค่าใช้จ่ายในการบริหารมีจำนวน 4,979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.9%
ทั้งนี้บริษัทยังตั้งเป้าหมายในระยะไกลที่จะมีจำนวนสาขาให้ครบ 13,000 สาขาในปี 2564 โดยในไตรมาส 2/2562 ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เปิดสาขาใหม่ทั้งสิ้น 229 สาขา รวม ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 บริษัทมีจำนวนสาขาทั่วประเทศ 11,528 สาขา แบ่งเป็นร้านสาขาบริษัท 5,211 สาขา คิดเป็น 45% และร้าน SBP (store business partner) ร้านค้าที่ได้รับสิทธิช่วงอาณาเขต 6,317 สาขา คิดเป็น 55%
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า