สถานีโทรทัศน์ CNN เผยรายงานความเห็นของ ‘โค้ชทางการเงิน’ ชั้นนำในสหรัฐฯ ที่ออกมาให้คำแนะนำนักลงทุนให้เดินหน้าลงทุนในตลาดหุ้นต่อไป อย่าหวั่นไหวและขายหุ้นออกในวันที่ตลาดปรับตัวแดนลบ โดยเฉพาะการขายหุ้นในช่วงเวลานี้ที่เศรษฐกิจยังมีสัญญาณโตและฟื้นตัวได้ดี
แน่นอนว่าการระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาอาจทำให้นักลงทุนหวาดกลัว แต่ผู้เชี่ยวชาญและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ชี้ว่า การระบาดในเวลานี้แตกต่างจากเมื่อปีที่แล้ว เพราะเวลานี้มีวัคซีนหลายยี่ห้อผลิตออกมาในท้องตลาดแล้ว และรัฐบาลในหลายประเทศก็เร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงให้เร็วที่สุด จึงช่วยป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจและตลาดดิ่งสู่วิกฤตอีกระลอกได้
โค้ชการเงินระบุชัดว่า ถ้าเป็นนักลงทุนที่มองการลงทุนในระยะยาว ไม่ใช่สายเก็งกำไรระยะสั้น สถานการณ์ในปัจจุบันก็คือช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการลงทุนอย่างแท้จริง และสิ่งที่ดีที่สุดที่นักลงทุนสามารถทำได้ก็คือมองข้ามความผันผวนที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไป
ซีมา ชาห์ (Seema Shah) หัวหน้านักกลยุทธ์แห่ง Principal Global Investors กล่าวว่า การระบาดของสายพันธุ์เดลตาไม่อาจสกัดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และชาติพัฒนาแล้วอื่นๆ ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนในระดับสูงได้ ยิ่งมีรายงานว่าวัคซีนหลายยี่ห้อมีประสิทธิภาพในการป้องกัน นักลงทุนก็ควรเดินหน้าลงทุนได้อย่างสบายใจ แต่อาจจำเป็นต้องศึกษาให้ดีและเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยปีนี้หุ้นในกลุ่มสายสุขภาพอาจปรับตัวลงมาเล็กน้อย ส่วนหุ้นในสายเทคโนโลยีน่าจะสามารถเติบโตต่อไปได้
ประเด็นสำคัญที่สุดก็คืออย่าคาดหวังรายได้ในการลงทุนระยะสั้น เพราะสถานการณ์ตลาดค่อนข้างผันผวน ซึ่งช่วงเวลานี้เหมาะที่จะเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ปรับตัวลง หรือ Buy the Dips โดยให้จับตาหุ้นในอุตสาหกรรมวัฏจักรที่ได้รับผลกระทบจากความกลัวสายพันธ์เดลตา ที่มีสิทธิ์รีบาวด์กลับมาครั้งใหญ่
หุ้นสหรัฐฯ – ราคาน้ำมันพุ่งต่อเนื่อง อานิสงส์ผลประกอบการเอกชน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดเมื่อวานนี้ (21 กรกฎาคม) ปรับตัวในแดนบวกต่อเนื่องเป็นวันที่สองติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสของบริษัทต่างๆ หลังช่วงต้นสัปดาห์ดิ่งลงหนักจากความกังวลเกี่ยวกับการคืนชีพของโควิดและอัตราเงินเฟ้อ
โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 286.01 จุด หรือ 0.83% ปิดที่ 34,789.00 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 35.63 จุด หรือ 0.82% ปิดที่ 4,358.69 จุด ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 133.08 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 14,631.95 จุด
เมื่อวานนี้ บรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง รวมถึง Johnson & Johnson ที่เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ดีกว่าที่คาด ส่งผลให้วอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังจากปิดบวกราว 1.5% ในวันอังคาร (20 กรกฎาคม) และฟื้นตัวจากการดิ่งลงแรงเมื่อวันจันทร์ (19 กรกฎาคม) ซึ่งเป็นวันปิดลบหนักหน่วงที่สุดนับตั้งแต่ย่างเข้าสู่ปี 2021
สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 1.295% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 1.954%
ด้านราคาน้ำมันขยับปรับขึ้นมากกว่า 4% เมื่อวานนี้ (21 กรกฎาคม) เนื่องจากได้แรงหนุนจากการช้อนซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 2.88 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 70.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.88 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 72.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตามในส่วนของราคาทองคำในวันอังคาร ปิดลบแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 สัปดาห์ จากการฟื้นตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 8 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,803.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์
ด้านตลาดคริปโตฯ ราคา Bitcoin ปรับตัวเพิ่มขึ้นผ่านระดับ 32,000 ดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงดึงให้สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ อย่าง Ethereum เพิ่มขึ้นตาม โดยได้อานิสงส์จาก อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีนักลงทุนผู้ก่อตั้ง Tesla และ SpaceX มาเปิดเผยจุดยืนสนับสนุน Bitcoin และมี Dogecoin กับ Ethereum ไว้ในความครอบครอง
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2021/07/21/investing/investing-stock-market-volatility/index.html
- https://www.cnbc.com/2021/07/20/stock-market-futures-open-to-close-news.html
- https://www.cnbc.com/2021/07/21/oil-markets-us-stocks-demand-outlook.html
- https://www.aljazeera.com/economy/2021/7/21/bitcoin-surges-past-32000-after-elon-musk-says-he-owns-the-coin