วันนี้ (1 พฤศจิกายน) ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ชำระเงินค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขที่ค้างชำระให้กับ บริษัท สหแพทย์เวชกรรม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ซึ่งขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการสาธารณสุข ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ สถานพยาบาลสายไหมคลินิกเวชกรรม สาขาตลาดวงศกร, สถานพยาบาลสายไหมคลินิกเวชกรรม สาขาหทัยราษฎร์ และสถานพยาบาลสายไหมสหคลินิก สาขาเสรีไทย รวมเป็นเงิน 1,160,444.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนด ในพระราชกฤษฎีกา ซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี ของเงินต้น นับถัดจากวันฟ้องคดี เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้ชำระแล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
ศาลระบุเหตุผลว่า แม้ข้อเท็จจริง สปสช. จะได้ยกเลิกสัญญาให้บริการสาธารณสุข ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกับสถานพยาบาล ทั้ง 7 แห่งในสังกัดบริษัท สหแพทย์เวชกรรม จำกัดไปแล้ว แต่ในจำนวนนี้ ยังมีสถานพยาบาล 3 แห่ง ที่ สปสช. สั่งชะลอการจ่ายเงินค่าบริการทางแพทย์ เพื่อดำเนินการตรวจสอบยอดเงินที่จะมีสิทธิได้รับตามสัญญา และยังไม่ได้รับค่าการทำงานที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
ดังนั้น เมื่อ สปสช. กับ บริษัท สหแพทย์เวชกรรม จำกัด ยกเลิกสัญญากันแล้ว สถานพยาบาลทั้ง 3 แห่งดังกล่าว จึงชอบที่จะได้รับเงินดังกล่าว ซึ่งเป็นค่าการทำงานที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และเป็นประโยชน์แก่ สปสช. ดังนี้
สถานพยาบาลสายไหมคลินิกเวชกรรม สาขาตลาดวงศกร จำนวนเงิน 304,436.43 บาท สถานพยาบาลสายไหมคลินิกเวชกรรม สาขาหทัยราษฎร์ จำนวนเงิน 318,852.94 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,160,444.44 บาท พร้อมดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ที่กำหนด ในพระราชกฤษฎีกา ซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรค 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี ของเงินต้น นับถัดจากวันฟ้องคดี เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ โดยให้ชำระแล้วเสร็จภายใน 60 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด ส่วนคำขออื่นให้ยก


