วันนี้ (3 พฤศจิกายน) ตั้งแต่เเวลา 09.00 น. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดฟังคำไต่สวนเพิกถอนประกันตัว 4 แกนนำราษฎร คดีชุมนุม #19กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อปี 2563 ซึ่งประกอบด้วย ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม, ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่, ภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ อานนท์ นำภา ซึ่งภาณุพงศ์และอานนท์ถูกคุมขังอยู่จากคดีอื่น
ต่อมาในเวลา 10.00 น. กลุ่ม OctDem ร่วมกับ 18 อดีตผู้ต้องหา คดี ‘6 ตุลา 2519’ อดีตแกนนำนิสิตนักศึกษาและนักคิด นักเขียน นักวิชาการ ช่วง 14 ตุลาคม 2516 ถึง 6 ตุลาคม 2519 ร่วมกันไปเป็นนายประกันให้กับผู้ต้องหาการเมือง อาทิ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สุชาติ สวัสดิ์ศรี ศิลปินอาวุโส, สุธรรม แสงปทุม อดีตแกนนำนักศึกษาและผู้ต้องหาคดี 6 ตุลา, จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ โดยมี กฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และอดีตผู้นำนักศึกษา 6 ตุลาคม 2519 เป็นผู้ประสานงาน และได้มีการเตรียมหลักทรัพย์ของทางกลุ่มเพื่อมาใช้ในการประกันตัวในวันนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันแถลงข่าวและอ่านคำแถลงของกลุ่มคนเดือนตุลาฝ่ายประชาธิปไตย ที่เขียนโดย ธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นอดีตแกนนำนักศึกษาและผู้ต้องหาคดี 6 ตุลา 2519 คำแถลงระบุดังนี้ หรือความเป็นไทยคือการหลงยึดติดอดีตจนพร้อมจะขับไล่ไสส่งคนที่ใฝ่ฝันถึงวันที่ดีกว่าให้ออกไปพ้นสังคมไทย
ความไม่ลงรอยกันของความฝันคนละชนิดเป็นธรรมดาของทุกสังคม แต่ผู้ทรงอำนาจของไทยมักกล่าวหาคนที่ปรารถนาวันพรุ่งที่ดีกว่า ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงครั้งแล้วครั้งเล่า ถูกหาว่าเป็นเจ้าที่เพี้ยน ถูกส่งเข้าคุก 17 ปีอย่างเทียนวรรณ หรือเข้าโรงเลี้ยงคนบ้าอย่าง ก.ศ.ร. กุหลาบ ถูกจับเป็นกบฏอย่างคณะ ร.ศ. 130 ถูกตามล้างทำลายชั่วชีวิตชั่วลูกหลานอย่างผู้นำคณะราษฎร หรือถูกดับชีวิตเพื่อกำราบให้หยุดฝันอย่างเพื่อนของเราเมื่อ 6 ตุลา
รัฐไทยไม่เรียนรู้สักทีว่าความใฝ่ฝันถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น เป็นปกติวิสัยของคนทุกยุคสมัย ไม่มีทางหยุดยั้งได้เพราะเป็นธรรมดามนุษย์ แทนที่จะถกเถียงต่อสู้กันทางความคิดอย่างอารยชน กลับทำร้ายอย่างป่าเถื่อนและกำราบปราบปรามด้วยกฎหมายอย่างอยุติธรรม ทั้งๆ ที่ไม่ควรมีใครถูกทำร้าย สละชีวิต หรือสูญเสียเสรีภาพแม้แต่คนเดียว เพียงเพราะต่อสู้เพื่อความฝันของเขาอย่างสันติ
รัฐยังคงกระทำผิดเช่นเดิมๆ กับเยาวชนคนหนุ่มสาว ณ วันนี้ ทั้งๆ ที่การประกาศฝันถึงวันพรุ่ง ไม่ใช่อาชญากรรม เมื่อคราวพวกเราอายุเพียงประมาณ 20 ปี เราใฝ่ฝันถึงสังคมนิยมจึงถูกฆ่าอย่างป่าเถื่อน เพื่อนเราหลายพันคนถูกผลักไสไปสู่ป่าเขา พวกเรา 18 คนถูกจับเข้าคุกโดยไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ และห้ามประกันตัวอยู่เกือบหนึ่งปี ครั้นคดีความขึ้นศาลทหารเพียงอีกปีเดียวก็พิสูจน์ว่าเราคือผู้บริสุทธิ์ แต่ผู้เข่นฆ่าในนามของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์กลับลอยนวลพ้นผิดไปเช่นเคย
เรารู้ดีว่าการติดคุกเพราะประเทศนี้ห้ามผู้คนคิดฝันนั้น ก่อให้เกิดแผลบาดลึกขนาดไหนต่อผู้คนทั้งสังคม เราจึงขอให้ผู้ทรงอำนาจในกระบวนการยุติธรรมโปรดตระหนักว่า ท่านมีโอกาสที่จะยุติความโหดร้ายป่าเถื่อนลงเสียที แล้วช่วยกันประคับประคองให้สังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างสันติและเจ็บปวดน้อยกว่านี้
ผู้ทรงอำนาจในทุกสถาบันหลักและในกระบวนการยุติธรรมควรมีสายตากว้างไกล อำนวยให้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีผู้ถูกทำร้ายในนามของความยุติธรรมปลอมๆ อีกต่อไป ไม่ควรทิ้งหลักการเพียงเพื่อตอบสนองความหลงว่าตัวเองสูงส่ง หลงยึดมั่นในอำนาจ หรือเพราะความหวาดกลัว หาไม่แล้วความยุติธรรมบนแผ่นดินนี้ก็จบสิ้น เราจึงเรียกร้องต่อผู้ทรงอำนาจในสถาบันหลักของรัฐและในกระบวนการยุติธรรม โปรดอย่าทำผิดพลาดเช่นที่เคยทำมาอีกเลย เพราะผู้คนกำลังจะสิ้นความเคารพเชื่อถือในทุกสถาบันจนสุดจะกอบกู้ได้อีกต่อไป
คนหนุ่มสาวในขณะนี้ไม่ได้ต้องการโค่นล้มสถาบันกษัตริย์หรือสถาบันหลักใดๆ เขาป่าวประกาศความฝันว่าทุกสถาบันต้องปรับตัว เขาวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาเพื่ออนาคตของคนทั้งประเทศ แต่ความซื่อตรงไม่มีสอพลอ กลับกลายเป็นการดูหมิ่น เป็นอาชญากรรมในสายตาของคนเขลาและคนหน้าไหว้หลังหลอกที่โหนเจ้าหาอำนาจ คนหนุ่มสาวที่ถูกกุมขังไม่ได้เรียกร้องให้ปล่อยตัวเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขด้วยซ้ำไป เขาขอเพียงสิทธิประกันตัวด้วยถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์ตามที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญ เขาขอเพียงได้ต่อสู้คดีอย่างยุติธรรม
เพื่อยืนยันว่าการประกาศฝันถึงวันพรุ่งที่ดีกว่า ไม่ใช่อาชญากรรม ใครที่ถือว่าความฝันของคนหนุ่มสาวเป็นภัยต่อความมั่นคง เท่ากับเขายอมรับว่าสถาบันหลักของไทยง่อนแง่นเต็มที แต่แทนที่จะปลูกศรัทธาให้กลับมาใหม่ กลับใช้อำนาจและกฎหมายเข้าปราบปรามอย่างป่าเถื่อน ดังนั้น หากยังทำเช่นนี้ต่อไปอีก ประวัติศาสตร์จะจารึกว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยมีส่วนสำคัญในอัตวินิบาตกรรมของสถาบันนั้น
อย่าให้ผู้คนโจษขานว่าตุลาการไทยไร้หลักกฎหมาย รับใช้อำนาจอยุติธรรมอย่างไร้อิสระ ไร้ศักดิ์ศรี และไร้น้ำยา เป็นแค่เครื่องใช้ไม้สอยของอำนาจไว้บังคับให้ราษฎรหมอบคลาน เป็นผู้ใหญ่ที่โหดร้ายรังแกเด็ก
ถ้าหากยังปฏิเสธสิทธิการประกันตัวของคนหนุ่มสาวเหล่านั้น โปรดระวังให้ดีว่าพวกเขาจะออกมาจากคุกในเร็ววัน พร้อมๆ กับการพังทลายของสถาบันหลักทั้งหลาย เพราะผู้คนสิ้นศรัทธากับสถาบันเหล่านั้นและกระบวนการยุติธรรม
เพราะคนที่มิใช่ทาสมีธรรมชาติต้องยืนตัวตรง ความอดทนของเขาต่อการถูกบังคับให้หมอบคลานใกล้จะหมดแล้ว และถ้าจะเป็นเช่นนั้น อย่าโทษคนหนุ่มสาวว่ากระทำผิดซ้ำซาก เพราะผู้มีอำนาจเองต่างหากที่ดื้อรั้นกระทำผิดซ้ำซากอย่างไม่น่าเชื่อว่าท่านผู้ทรงเกียรติจะคิดสั้นๆ และใจมืดบอดถึงเพียงนั้น
กลุ่ม