วันนี้ (24 ธันวาคม) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ในการออกนั่งพิจารณาเพื่อไต่สวนเรื่องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ ภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 1 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
ในวันนี้ศาลนัดไต่สวนพยาน 6 ปาก ประกอบด้วย พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.), ภูมิธรรม เวชยชัย, พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง, พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), ร.ต.อ. สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดี DSI และ แสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในเวลา 10.30 น.
เมื่อเวลา 9.00 น. ภูมิธรรมได้เดินทางมาถึงสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยระบุถึงความมั่นใจก่อนเข้าไต่สวนว่า มั่นใจ ไม่ได้มีอะไร ตนเองได้ทำตามอำนาจหน้าที่ที่มี ซึ่งความจริงได้ชี้แจงทั้งหมดไปแล้ว โดยในการไต่สวนครั้งนี้ศาลได้นัดมาในฐานะพยานและในฐานะผู้ถูกร้องด้วย
ส่วนที่ศาลยังมีข้อสงสัย เรื่องการใช้อำนาจแทรกแซงให้ DSI รับคดีฮั้ว สว. เป็นคดีพิเศษ ภูมิธรรมกล่าวว่า เรายังไม่ทราบว่าท่านมีข้อสงสัยเรื่องอะไร ศาลซักถามให้เกิดความชัดเจน ตนเองก็พร้อมชี้แจงอยู่แล้ว ตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ และตามความเป็นจริง
“ผมก็เชื่อว่าเราบริสุทธิ์ ทำหน้าที่ตามสิ่งที่เราควรทำ ในฐานะประธานกรรมการคดีพิเศษ ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ” ภูมิธรรมกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต. ฉัตรวรรษ พร้อมด้วยกลุ่ม สว. รวม 92 คน เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อ ประธานวุฒิสภา (ผู้ร้อง) โดยกล่าวอ้างว่าภูมิธรรม (ผู้ถูกร้องที่ 1) ในฐานะประธานกรรมการคดีพิเศษ และ พ.ต.อ. ทวี (ผู้ถูกร้องที่ 2) ในฐานะรองประธานกรรมการคดีพิเศษ ซึ่ง DSI เสนอเรื่องขอให้ตรวจสอบกระบวนการเลือก สว. พ.ศ. 2567 ต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ เพื่อมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำอำนาจและหน้าที่ของ กกต. โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2568
