ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวในการประชุมระดับรัฐมนตรีประจำปีผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เมื่อวานนี้ (31 พฤษภาคม) เรียกร้องให้นานาชาติเร่งเปิดเจรจาสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยการเตรียมพร้อมและรับมือการระบาดใหญ่ทั่วโลก เพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดรุนแรงอื่นๆ ในอนาคต โดยถือเป็นส่วนหนึ่งในแผนปฏิรูปที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติสมาชิก
ท่าทีของ ผอ.องค์การอนามัยโลก มีขึ้นหลังจากเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 25 ผู้นำประเทศและหน่วยงานระหว่างประเทศ รวมถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ลงนามเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมมือกันผลักดันสนธิสัญญาเตรียมรับมือการระบาดใหญ่ดังกล่าว ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถของนานาประเทศและภูมิภาคในการรับมือกับการระบาดใหญ่ในอนาคต
“ข้อเสนอแนะประการหนึ่งที่ผมเชื่อว่า จะทำอย่างเต็มที่เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์การอนามัยโลกและความมั่นคงด้านสุขภาพทั่วโลก คือข้อเสนอแนะของสนธิสัญญาว่าด้วยการเตรียมความพร้อมและการรับมือการแพร่ระบาดใหญ่ ซึ่งยังอาจเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสมาชิกและส่งเสริมความร่วมมือด้วย นี่เป็นแนวคิดที่ถึงเวลาเหมาะสมแล้ว” กีบรีเยซุสกล่าว
ขณะที่ในการกล่าวปิดท้ายการประชุม กีบรีเยซุสระบุว่าการขาดการแบ่งปันข้อมูล เชื้อโรค เทคโนโลยี และทรัพยากร คือสิ่งที่นิยามถึงลักษณะเฉพาะในการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
“สนธิสัญญา (โรคระบาด) จะส่งเสริมการแบ่งปัน ความไว้วางใจ และความรับผิดชอบที่ดีขึ้น และเป็นรากฐานที่มั่นคงในการสร้างกลไกอื่นๆ สำหรับความมั่นคงด้านสุขภาพทั่วโลก” เขากล่าว
ในการประชุมวานนี้ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายจากการประชุมทั้งหมด 1 สัปดาห์ ชาติสมาชิกของ WHO ยังเห็นพ้องในมติ 14 หน้า เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของ WHO ในการประเมินการระบาดของโรคได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั่วโลกแสดงความตระหนักในช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของโควิด-19
“จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเสริมสร้างการเฝ้าระวัง (โรคระบาด) ทั่วโลก และมอบอำนาจและหน้าที่ให้กับองค์การอนามัยโลกในการทำงานที่สำคัญนี้เพื่อคนทั้งโลก” นายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย กล่าวในที่ประชุม
พร้อมกันนี้ WHO ยังเรียกร้องให้นานาประเทศเสริมสร้างความแข็งแกร่งในระบบสาธารณสุข และเพิ่มศักยภาพในการตรวจหาภัยคุกคามจากโรคระบาด รวมถึงการสื่อสารข้อมูลทั้งในประเทศและระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่กีบรีเยซุสกล่าวต่อที่ประชุมว่า WHO กำลังเผชิญความท้าทายที่ร้ายแรงในการคงการรับมือสถานการณ์โควิด-19 ณ ปัจจุบัน และยืนยันว่าจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเงินทุนที่ยั่งยืนและมีความยืดหยุ่น ซึ่งสอดคล้องกับรายงานมติการประชุมที่เรียกร้องให้ชาติสมาชิกรับประกันในการจัดหาเงินทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ ของ WHO ที่เพียงพอ ยืดหยุ่น ยั่งยืน และคาดการณ์ได้
ซึ่งปัจจุบันงบประมาณของ WHO มีเพียง 16% ที่มาจากค่าธรรมเนียมสมาชิกภาพทั่วไป ส่วนที่เหลือมาจากการบริจาคโดยสมัครใจและได้รับการจัดสรร
ภาพ: Dursun Aydemir / Anadolu Agency via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง: