วันนี้ (4 เมษายน) อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวขณะลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส ว่า หลังจากพบเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังเรือนจำจังหวัดนราธิวาสติดโควิด-19 ซึ่งยังอยู่ในช่วงการเดินทางเพื่อทำกิจกรรมภายนอกร่วมกับผู้อื่น กรมราชทัณฑ์จึงได้รีบดำเนินการอย่างเร่งด่วน ด้วยการนำมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำกลับมาใช้อีกครั้ง แม้จะเพิ่งประกาศผ่อนคลายมาตรการมาได้ไม่นาน สำหรับครั้งนี้กำหนดเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน จนถึง 5 พฤษภาคม 2564 โดยมีการดำเนินการหลักๆ คือ
- งดเยี่ยมญาติแบบปกติที่เรือนจำ
- งดนำผู้ต้องขังออกทำงานนอกเรือนจำ
- งดย้ายผู้ต้องขังระหว่างเรือนจำ
- พิจารณาแนวทางอื่นแทนการนำผู้ต้องขังออกศาล
- งดนำบุคคลภายนอกเข้าเรือนจำ
- แยกกักโรคผู้ต้องขังเข้าใหม่ โดยห้ามย้ายหรือออกจากห้องเป็นระยะเวลา 14-21 วัน
- ประสานโรงพยาบาลแม่ข่ายในการเข้าตรวจหาเชื้อในผู้ต้องขังเข้าใหม่ทุกรายอย่างน้อย 2 ครั้งก่อนออกจากห้องแยกกักโรค
ทั้งนี้ การดำเนินการที่ยังสามารถทำได้คือ
- การเยี่ยมญาติทางไกลผ่านจอภาพ (แอปพลิเคชัน LINE)
- การซื้อสินค้าฝากผู้ต้องขังและการฝากเงิน
โดยให้เรือนจำและทัณฑสถานทั้ง 143 แห่งทั่วประเทศ ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ยกเว้นมีเหตุจำเป็น ซึ่งต้องได้รับการอนุมัติเป็นการเฉพาะกรณี ภายใต้วิถี New Normal คือ การเว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา
กรณีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่พบในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดนราธิวาสนั้นขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรคเพิ่มเติม โดยเบื้องต้นได้มีมาตรการรองรับในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส คือ
- Bubble and Seal คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า
- Separate การแยกกักผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ผู้ที่มีประวัติเสี่ยง
- Mobile Field Hospital จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม
โดยใช้พื้นที่เรือนจำเก่าเพื่อรองรับผู้ติดเชื้ออาการไม่รุนแรง หรือไม่มีอาการให้อยู่ในการควบคุมไม่แพร่เชื้อสู่ภายนอก รวมถึงการเร่ง SWAB เพื่อตรวจหาโควิด-19 เชิงรุกในผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงทุกราย
อย่างไรก็ตาม กรมราชทัณฑ์อยากให้ประชาชนรวมถึงญาติของผู้ต้องขังทุกคนมั่นใจ ว่า กรมราชทัณฑ์จะสามารถควบคุมและรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในครั้งนี้ได้ ภายใต้การประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และขอให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการประกาศใช้มาตรการอย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งรวมถึงการประกาศงดเยี่ยมญาติแบบปกติที่อาจทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในครั้งนี้ด้วย