เมื่อวานนี้ (3 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางรับมือ ‘ไวรัสโคโรนา 2019’ ในรายการ THE STANDARD Daily
อนุทินยืนยันว่ายังควบคุมสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ เพราะการควบคุมสถานการณ์ได้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนติดเชื้อเลย แต่คือการหาคนที่ติดเชื้อได้และนำมารักษาให้หาย
ส่วนคนขับแท็กซี่ซึ่งเป็นคนไทยที่ติดเชื้อในประเทศรายแรกมีอาการดี เมื่อเช็กประวัติย้อนหลังพบว่ามีการรับคนจีนที่มาจากอู่ฮั่น ถ้าอย่างนี้ถือว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ แต่ถ้าเขาไปรับคนไทยซึ่งไม่เคยไปจีนมาแล้วติดเชื้อ อย่างนี้เรียกว่าวุ่นวายโกลาหล แต่เราไปดูวงจรปิดของสถานที่ที่ไปส่งคนจีนจนสามารถสืบสาวไปถึงต้นตอของปัญหาได้
ส่วนกรณีที่แพทย์จากโรงพยาบาลราชวิถีสามารถรักษาหญิงชาวจีนอายุ 72 ปีที่รักษาอยู่ในประเทศไทยได้นั้น
อนุทินเปิดเผยว่า ในบรรดา 19 รายที่ติดเชื้อ คนนี้อาการหนักที่สุด อาการปอดอักเสบมีท่าทีไม่ดี และเรากังวล และแพทย์เห็นว่าการใช้ยาที่มีอยู่อาจจะไม่พอ
เป็นความเก่งของแพทย์โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งไปค้นมาว่าการใช้ยาสองขนานนี้น่าจะได้ผล และพูดง่ายๆ ว่าตอนนั้นทางเลือกแทบไม่มีแล้ว ปรากฏว่ายามีประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว อาการปอดอักเสบหายแล้ว
ขณะที่ นพ.สุขุม กล่าวเสริมว่า ในการรักษามีตำราอยู่ว่าต้องใช้ยาผสม แพทย์ก็ดูรายผู้ป่วยหนัก ยาพวกนี้มีผลข้างเคียง มีบางคนที่ติดเชื้อแต่ใช้ยาตัวนี้ไม่ได้ เราจึงเลือกใช้กับผู้ป่วยหนัก แต่ส่วนใหญ่ที่ป่วยอยู่กับเราอาการไม่ได้หนัก จึงไม่มีความจำเป็นต้องใช้
ส่วนการเดินทางไปรับคนไทยที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนนั้น อนุทินเปิดเผยว่า ล่าสุดตนไม่สามารถไปด้วยตนเองได้แล้ว เพราะติดกระบวนการ นายกรัฐมนตรีสั่งให้ไป เพราะถ้ามีผู้ใหญ่ไปจะได้สั่งการสถานการณ์ได้ดีกว่า แต่ทางการจีนขอร้องมาว่าขอจำกัดจำนวนน้อยที่สุด ทีมแพทย์ 9 คน ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ 2 คน และทีมนักบินและลูกเรือ โดยทีมนักบินห้ามออกจากห้องนักบินตลอดภารกิจ
เมื่อถึงประเทศไทย ผู้โดยสารที่เป็นคนไทยจากอู่ฮั่นต้องถูกควบคุม 14 วัน รวมทั้งข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ 2 คนที่ต้องไปประสานพูดคุย ต้องโดนกักตัว 14 วันเช่นกัน ซึ่งถือเป็นการเสียสละ
คาดว่าจะถึงเมืองไทยวันที่ 4 กุมภาพันธ์ช่วงค่ำๆ และได้เตรียมสถานที่รอไว้ 3 ที่เมื่อพร้อมจะมีการแถลงข่าวความคืบหน้า