สถานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดทั่วโลก (20 พ.ย. 2563)

วานนี้ (19 พฤศจิกายน) ผู้ผลิตและพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ของจีนอย่าง China National Pharmaceutical Group (Sinopharm) เผยว่า มีผู้คนเกือบ 1 ล้านคนได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 Sinopharm ไปแล้ว หลังทางการจีนอนุญาตให้ใช้ฉุกเฉิน (Emergency Use) ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

โดยผู้บริหารระดับสูงของ Sinopharm เผยว่า ในการทดสอบวัคซีนดังกล่าวยังไม่พบรายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียงหรือการตอบสนองที่รุนแรงหลังได้รับการฉีดวัคซีน ซึ่งวัคซีนต้านโควิด-19 ของจีน 4 ตัวที่อยู่ในช่วงทดสอบเฟส 3 ในมนุษย์ และมีการอนุญาตให้ใช้ฉุกเฉินหรือใช้ในวงจำกัดได้แล้วคือ วัคซีนต้านโควิด-19 ของ Sinopharm ที่จับมือกับกับ Wuhan Institute of Biological Products, วัคซีนต้านโควิด-19 ของ Sinopharm ที่จับมือกับ Beijing Institute of Biological Products, วัคซีนต้านโควิด-19 ของ CanSino Biologics ที่ใช้อย่างจำกัดในกองทัพจีน รวมถึงวัคซีนต้านโควิด-19 ของ Sinovac Biotech

แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้ ยังไม่มีวัคซีนต้านโควิด-19 ของผู้ผลิตและพัฒนาตัวใดได้รับการอนุมัติให้ใช้ในวงกว้าง และทุกตัวก็ยังคงอยู่ในช่วงการทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยอยู่ โดยวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ดูเหมือนจะเข้าใกล้เป้าหมายมากที่สุดคือ วัคซีนต้านโควิด-19 ของ Pfizer-BioNTech ที่เผยว่า วัคซีนของตนมีประสิทธิภาพในการต้านโควิด-19 ได้มากถึง 95% แล้วในการรายงานความคืบหน้าครั้งที่ 2 ในช่วงไม่ถึง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ล่าสุด ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสมแล้วกว่า 56.8 ล้านราย (56,817,667 ราย) รักษาหายกว่า 39.7 ล้านราย (39,714,662 ราย) หรือคิดเป็นราว 70% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด เสียชีวิตแล้ว 1,358,489 ราย อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ราว 2.4%

ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับ 1 ที่ 11,710,084 ราย ตามมาด้วยอินเดีย (8,958,483 ราย) บราซิล (5,981,767 ราย) ฝรั่งเศส (2,137,096 ราย) และรัสเซีย (1,998,966 ราย) พบผู้ติดเชื้อแล้วอย่างน้อย 184 จาก 193 ประเทศทั่วโลก