‘2019-nCoV’ คือชื่อทางวิทยาศาสตร์ของโรคอุบัติใหม่ไวรัสโคโรนา ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน มีรายงานว่าเบื้องต้นมีผู้ป่วยกว่า 2,794 ราย เสียชีวิตแล้ว 80 ราย ขณะที่ประเทศไทยมีผู้ป่วยจากการยืนยันของกระทรวงสาธารณสุข 8 ราย รักษาหายแล้ว 5 ราย
รศ.พญ.อรุณี ธิติธัญญานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาระดับโมเลกุล ม.มหิดล กล่าวถึงความรุนแรงของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ เมื่อเทียบกับซาร์ส (SARS) และ เมอร์ส (MERS) ซึ่งเป็นไวรัสรุ่นพี่ในตระกูลโคโรนาว่า ถ้าดูจากข้อมูลระบาดวิทยา พบว่าผู้ป่วยซาร์สมีอาการป่วย และเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 10 ผู้ป่วยเมอร์สมีอาการป่วย และเสียชีวิตร้อยละ 30
ส่วนโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ หากคิดจากตัวเลขล่าสุดคือร้อยละ 2.9 หากดูตัวเลขเหมือนน้อย แต่ถ้าเทียบกับไข้หวัดใหญ่ทั่วไป ซึ่งมีอัตราการตายเพียง 0.1%
ขณะที่ข้อมูลอัตราการเสียชีวิตปัจจุบันยังไม่แน่นอน เพราะยังมีผู้ป่วยที่ทำการรักษาอยู่จำนวนมาก และถ้ามีคนติดเชื้อเยอะมาก ตัวเลข 2.9% ก็ถือว่าเยอะ
ที่สำคัญเรายังไม่รู้ว่ามีจำนวนคนที่ป่วย แต่ไม่มีอาการอยู่จำนวนเท่าไร แต่โชคดีตรงที่ว่าเชื้อในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการจะเจือจาง และแพร่ระบาดได้ยาก
ขณะที่ปัจจุบันข้อมูลยังไม่มากพอที่จะสรุปช่วงอายุของผู้ติดเชื้อโคโรนาสายพันธ์ุใหม่ได้ แต่เชื่อว่าติดเชื้อได้ทุกช่วงอายุ
ทั้งนี้การป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่สามารถทำได้ง่ายๆ เหมือนการป้องกันโรคไข้หวัดทั่วไป การกินร้อน ใช้ช้อนกลาง และล้างมือ คือวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว แต่การล้างมือต้องล้างด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์อย่างน้อย 20-30 วินาที ส่วนการใส่หน้ากากอนามัยอาจไม่จำเป็นต้องใส่ถึงระดับ N95 สำหรับการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา