เกิดอะไรขึ้น:
วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) จำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งสู่ระดับ 79,698 คน เพิ่มขึ้นจาก 67,100 คน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนอย่างเกาหลี พุ่งขึ้นสู่ 833 คน จาก 31 คน ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ญี่ปุ่น (ไม่รวมเรือ Diamond Princess) ยอดผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 146 คน จาก 74 คน ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ขณะที่ประเทศอิตาลีมีรายงานผู้เชื้อล่าสุดอยู่ที่ 215 คน จาก 20 คนในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 กุมภาพันธ์) รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ออกคำสั่งยกระดับการเตือนภัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นระดับสูงสุด ซึ่งเป็นการเตือนขั้นสูงสุดในรอบ 11 ปีนับจากการเกิดโรคระบาดสายพันธุ์เอในปี 2552
ขณะที่ญี่ปุ่นได้ประกาศยกเลิก/เลื่อนการจัดกิจกรรมต่างๆ ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง ในกรุงโตเกียว เพื่อเตรียมรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งนี้ โดยยกระดับคำเตือนสำหรับการเดินทางไปมณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ให้อยู่ระดับ 3
สำหรับรัฐบาลจีนได้ออกประกาศเรียกตัวคนที่เคยรักษาแล้วกลับมากักโรคเวลา 14 วัน เนื่องจากมีรายงานว่าคนที่รักษาแล้วกลับมาป่วยอีกครั้ง
สำหรับประเทศไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้สัมภาษณ์ในวันนี้ว่า โรคโควิด-19 อาจถูกยกระดับเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการแพร่ระบาด
กระทบอย่างไร:
วันนี้ SET Index ปรับลงรุนแรง โดยสิ้นวันปิดที่ระดับ 1435.56 จุด ลดลง 59.53 จุด หรือลดลง 3.98%DoD โดยหุ้นที่มีผลกระทบเชิงลบต่อดัชนี 10 อันดับแรก ได้แก่
- บมจ.ปตท. (PTT) ราคาหุ้นลดลง 3.93%DoD มีผลกระทบต่อดัชนี -4.64 จุด
- บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ราคาหุ้นลดลง 3.07%DoD มีผลกระทบต่อดัชนี -2.65 จุด
- บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) ราคาหุ้นลดลง 3.53%DoD มีผลกระทบต่อดัชนี -2.09 จุด
- บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ราคาหุ้นลดลง 4.38%DoD มีผลกระทบต่อดัชนี -2.03 จุด
- บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ราคาหุ้นลดลง 7.08%DoD มีผลกระทบต่อดัชนี -1.77 จุด
- บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ราคาหุ้นลดลง 4.29%DoD มีผลกระทบต่อดัชนี -1.67 จุด
- บมจ.แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) ราคาหุ้นลดลง 8.85%DoD มีผลกระทบต่อดัชนี -1.49 จุด
- บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ราคาหุ้นลดลง 10.16%DoD มีผลกระทบต่อดัชนี -1.39 จุด
- บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ราคาหุ้นลดลง 2.37%DoD มีผลกระทบต่อดัชนี -1.38 จุด
- บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ราคาหุ้นลดลง 6.50%DoD มีผลกระทบต่อดัชนี -1.36 จุด
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่าการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกประเทศจีนที่รุนแรงมากขึ้น เป็นปัจจัยกดดันใหม่ต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทย ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการผลิตที่อาจหยุดชะงักลงจากปัญหาโซ่อุปทาน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้
ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงเปราะบางจากกำลังซื้ออ่อนแอลง เนื่องด้วยปัญหาภัยแล้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ภาคเกษตร และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อเศรษฐกิจโดยรวมเดือนมกราคม ที่ปรับลงต่ำสุดใน 69 เดือน ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ออกมาล่าสุด (ชิมช้อปใช้เฟส 4, ไทยเที่ยวไทย และการลดภาระผ่อนชำระหนี้) คาดอาจไม่สามารถชดเชยผลกระทบครั้งนี้ได้เพียงพอ ซึ่งจากนี้นักลงทุนคงต้องติดตามแนวทางการแก้ไขปัญหาใหม่ของทางภาครัฐในการรับมือกับความท้าทายครั้งนี้เพื่อพยุงทิศทางเศรษฐกิจไทย
มุมมองระยะยาว:
ในระยะยาวการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ทั้งในและนอกประเทศจีน) ยังคงเป็นปัจจัยรุมเร้าต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย และเป็นปัจจัยกดดันหลักต่อทิศทางตลาดหุ้นไทยต่อไป
โดย SCBS คาดทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2563 จะขยายตัว 2.0-2.5% โดยจะเริ่มฟื้นตัวใน 2Q63 จากโรคโควิด-19 ที่เริ่มบรรเทาลง และการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ขณะที่การบริโภคยังได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง อย่างไรก็ดี ประมาณการเศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสถูกปรับลดลงอีกหากสถานการณ์โรคโควิด-19 มีความรุนแรงมากขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม:
หมายเหตุ %DoD คือ % การเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับวันทำการก่อนหน้า
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า