เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 พล.ท. วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับทราบมติสนับสนุนความโปร่งใสในตลาดยาวัคซีนและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ของที่ประชุมใหญ่องค์การอนามัยโลกที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 ซึ่งกระตุ้นให้ประเทศสมาชิกเผยแพร่ข้อมูลราคาจริงของยาและเวชภัณฑ์เพิ่มความโปร่งใสด้านสิทธิบัตรยา
ขณะที่ วิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยความคืบหน้าในการกำกับดูแลค่ายาและค่ารักษาพยาบาล ล่าสุดยังคงมีประชาชนร้องเรียนผ่านสายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 เกี่ยวกับการคิดค่ายาและค่ารักษาพยาบาลสูงเกินจริง
โดยกรมการค้าภายในจะเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและเตรียมเรียกโรงพยาบาลเอกชน 70 แห่งเข้าชี้แจงโครงสร้างต้นทุนราคายาและค่ารักษาพยาบาล เนื่องจากพบว่าโรงพยาบาลบางแห่งกำหนดราคาสูงถึง 16,000% เช่น ราคายาพาราเซตามอล เม็ดละ 5 บาท โรงพยาบาลคิดแพงถึงเม็ดละ 200 บาท หรือยารักษามะเร็งบางชนิดราคา 200,000 บาทต่อ 1 โดส แต่ขายสูงถึง 800,000 บาท และหากโรงพยาบาลชี้แจงไม่ได้ จะถูกลงโทษตามกฎหมาย แต่สามารถชี้แจงได้ว่าเหตุใดจึงคิดราคายาและค่ารักษาพยาบาลสูงเกินไป หรือหากชี้แจงแล้วไม่สมเหตุสมผล จะดำเนินการแจ้งความทันที โดยมีความผิดตามกฎหมาย โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยก่อนหน้านี้กรมการค้าภายในได้แจ้งความดำเนินคดีกับโรงพยาบาลเอกชนรายหนึ่งไปแล้ว เนื่องจากคิดค่ารักษาอาการท้องเสียและค่ายาสูงเกินจริง
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศคุมเข้มราคายา และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยประกาศฉบับนี้มีการระบุว่า
“หลังจากนี้เพื่อความโปร่งใสและเป็นธรรม โรงพยาบาลเอกชน ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้จำหน่าย ต้องแจ้งราคาซื้อและราคาจำหน่าย รวมถึงค่าบริการให้ชัดเจนก่อนที่คนไข้จะทำการรักษา หากไม่แจ้งมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
นอกจากนี้ใบสั่งยาจะต้องมีชื่อยา มีวิธีใช้ และราคา เพื่อคนไข้เห็นแล้วสามารถนำใบสั่งยาออกไปซื้อยาข้างนอกที่มีราคาถูกกว่าได้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า