ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 14 ธันวาคม หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็นกลุ่มที่ถูกนักลงทุนเทขายหนักที่สุด ในบรรดาหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงมากสุด 10 อันดับแรก ปรากฏว่าเป็นหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างถึง 5 บริษัท
หุ้นของทั้ง 5 บริษัทรับเหมาดังกล่าว ได้แก่ บมจ.ไทยโพลีคอนส์ (TPOLY) -29.11%, บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) -27.66%, บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) -26.19%, บมจ.ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) -25.58% และ บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี (BJCHI) -24.46%
ณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า หุ้นกลุ่มรับเหมาส่วนใหญ่ถูกเทขายหนักระหว่างวันที่ 8 และ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่คณะกรรมการไตรภาคีมีมติเสนอคณะรัฐมนตรีให้พิจารณาอนุมัติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 2-16 บาท
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ขอให้กลับไปทบทวนค่าแรงที่จะปรับขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มองว่าตัวเลขดังกล่าวต่ำเกินไป
“โดยปกติหากมีประเด็นเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ กลุ่มรับเหมามักจะถูกกระทบเป็นกลุ่มแรกๆ”
นอกจากประเด็นเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแล้ว หุ้นกลุ่มรับเหมายังถูกกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่อสภาพคล่องของแต่ละบริษัทอีกด้วย
ณัฐชาตกล่าวต่อว่า โดยธรรมชาติธุรกิจรับเหมามักจะใช้เงินกู้ค่อนข้างสูง การที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นจึงเป็นอีกแรงกดดันที่เข้ามากระทบ แม้ตัวเลขการกู้ของบริษัทรับเหมาอาจไม่สูงเท่ากับธุรกิจไฟแนนซ์หรืออสังหาริมทรัพย์ แต่หากมองเป็นรายตัวแล้ว ธุรกิจที่ไม่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากพอจะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
“ปัจจุบันหุ้นกู้ในกลุ่มที่ต่ำกว่าระดับลงทุนได้ หรือกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูง การออกหุ้นกู้ชุดใหม่เพื่อมาชำระหนี้ชุดเดิมทำได้ยากขึ้นเรื่อยๆ และการใช้เงินทุนจากแบงก์อาจไม่ครอบคลุมหนี้ที่ต้องชำระคืนทั้งหมด”
สำหรับหุ้นทั้ง 5 ตัวดังกล่าว ITD มียอดหุ้นกู้คงค้างมากที่สุดราว 1.5 หมื่นล้านบาท และมีหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระ 2 พันล้านบาท ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ขณะที่ TPOLY และ NWR มียอดหุ้นกู้คงค้างบริษัทละประมาณ 900 ล้านบาท ครบกำหนดชำระคืนหนี้ครั้งถัดไปช่วงปลายปี 2567 ส่วน TRC และ BJCHI ไม่มีหนี้หุ้นกู้
ด้าน ภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า มองไปในทิศทางเดียวกันว่า แรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มรับเหมามาจากทั้งเรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และสภาพคล่องที่เริ่มตึงตัวของบางบริษัท
อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากการขึ้นค่าแรงน่าจะกระทบเพียงระยะสั้น หลังจากที่การขึ้นค่าแรงได้ข้อสรุปอาจเห็นแรงซื้อกลับเข้ามา หลังจากที่นักลงทุนมั่นใจว่าราคาสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว
“ค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจะกระทบกับธุรกิจแค่ช่วงหนึ่ง โดยเฉพาะโครงการที่ค้างอยู่ แต่โครงการใหม่ๆ ต้นทุนค่าแรงใหม่จะถูกคำนวณรวมเข้าไปอยู่แล้ว”
ส่วนปัญหาด้านสภาพคล่องของ ITD ที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้อาจสร้างความกังวลให้นักลงทุนเช่นกัน เพราะโดยปกติ ITD จะว่าจ้างบริษัทรับเหมาขนาดกลางและเล็กต่ออีกทอดหนึ่ง
