วันนี้ (17 มีนาคม) ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดนัดแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือและลงมติ กรณีที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติยื่นคำร้องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 เกี่ยวกับมติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคสาม มาตรา 188 และมาตรา 197 หรือไม่
โดยศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากวินิจฉัยว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด เรื่องปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดีปกครองเป็นการออกระเบียบตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 44 แต่มิได้ดำเนินการตามมาตรา 5 และมาตรา 6 วรรคหนึ่ง จึงขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง และมาตรา 197 วรรคสี่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตีความเรื่องนี้เป็นไปตามคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้วินิจฉัยตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดในวันนี้ว่า มติที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดครั้งที่ 18/2545 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545 ที่กำหนดให้นับอายุความฟ้องคดีปกครองตั้งแต่วันที่ศาลปกครองเปิดทำการ คือวันที่ 9 มีนาคม 2544 ซึ่งไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 มาตรา 51 ที่บัญญัติว่าให้เริ่มนับระยะเวลาอายุความคดีปกครองตั้งแต่วันที่ “รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี” ถือว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 5 วรรคหนึ่ง มาตรา 25 วรรคสาม มาตรา 188 และมาตรา 197 ทำให้มติศาลปกครองสูงสุดที่ให้จ่ายค่าโง่โฮปเวลล์ 2.4 หมื่นล้านบาทไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- https://thestandard.co/distrust-debate-government-160264-4/
- https://thestandard.co/bangkok-elevated-road-and-train-system-timeline/
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า