วิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสอีโบลาในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกยังน่าวิตก ล่าสุดพบผู้ป่วยติดเชื้อแล้ว 426 คน จำนวนนี้เสียชีวิต 245 คน ซึ่งเป็นตัวเลขผู้ติดไวรัสและเสียชีวิตที่มากเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ แซงหน้าวิกฤตอีโบลาระบาดในประเทศยูกันดาเมื่อปี 2000-2001 ซึ่งครั้งนั้นมีผู้ติดเชื้อ 425 คน และเสียชีวิต 224 คน
กระทรวงสาธารณสุขคองโกเปิดเผยว่า ในจำนวนเคสผู้ป่วยทั้งหมด มีอยู่ 47 คนที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยยืนยัน แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าติดเชื้อแล้ว และมีอีก 87 คนที่ต้องสงสัยว่าอาจติดเชื้อและอยู่ในขั้นเฝ้าระวัง
ในปีนี้คองโกเผชิญวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของไวรัสอีโบลามาแล้ว 2 ครั้ง โดยครั้งหลังเริ่มระบาดในเดือนสิงหาคม ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 10 นับตั้งแต่ปี 1976 ที่ไวรัสมรณะคุกคามประเทศคองโก
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า จังหวัดนอร์ทกีวู ซึ่งมีเมืองสำคัญอย่างเบนี, คาลุนกูตา และมาบาโลโก ยังคงเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดของอีโบลา แม้จะพบเคสผู้ติดเชื้อในจังหวัดอีตูรีที่อยู่ติดกัน โดยสองจังหวัดดังกล่าวมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น และมีพรมแดนติดกับประเทศยูกันดา, รวันดา และเซาท์ซูดาน
“ความเสี่ยงที่อีโบลาจะระบาดไปยังจังหวัดอื่นๆ ในประเทศคองโก รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านยังมีสูงมาก” WHO ระบุในแถลงการณ์
ทาริก ยาซาเรวิช โฆษกองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า นี่เป็นสถิติที่ไม่มีใครอยากทำลาย โดยเฉลี่ยแล้วอีโบลาคร่าชีวิตผู้ติดเชื้อราวครึ่งหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง หรือบางรายอาจมีอาการเลือดไหลไม่หยุด ส่วนวิกฤตอีโบลาในคองโกระลอกที่ 2 ของปีนี้ มีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 57%
แต่ในข่าวร้ายก็มีข่าวดีอยู่บ้าง เมื่อกระทรวงสาธารณสุขคองโกเผยว่า เวลานี้มีผู้ป่วย 126 คนที่อาการดีขึ้นและกำลังฟื้นตัว
สำหรับวิกฤตอีโบลาที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ คือเหตุการณ์แพร่ระบาดในแอฟริกาตะวันตกเมื่อปี 2014 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 11,000 คน
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
