วันนี้ (8 ตุลาคม) เครือข่ายประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ หรือ Con for All นำโดย บารมี ชัยรัตน์ เดินทางมายังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อยื่นข้อกล่าวหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5 คน กรณีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ที่ห้ามไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง
เครือข่าย Con for All ชี้ว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่คำวินิจฉัยประเด็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 โดยมีความตอนหนึ่งระบุว่า “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง” ซึ่งเป็นข้อความที่ศาลรัฐธรรมนูญเขียนเพิ่มขึ้น โดยไม่ใช่ประเด็นที่ผู้ร้องส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และไม่ใช่ประเด็นที่เกิดปัญหาข้อพิพาทกันมาก่อน แต่ศาลรัฐธรรมนูญกลับเขียนข้อจำกัดในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยไม่แม้แต่จะเขียนคำวินิจฉัยเพื่ออธิบายหลักอ้างอิงทางวิชาการ หรือเหตุผลทางกฎหมายที่มาสู่ข้อจำกัดดังกล่าว
เครือข่าย ConforAll เห็นว่า คำวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อหลักการประชาธิปไตยอันมีอำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนชาวไทย และเป็นการก้าวล่วงอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อสร้างข้อจำกัดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา
เครือข่ายฯ จึงดำเนินการยื่นข้อกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ทำการไต่สวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 5 คน ได้แก่ นครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, อุดม สิทธิวิรัชธรรม, วิรุฬห์ แสงเทียน, จิรนิติ หะวานนท์ และ นภดล เทพพิทักษ์ ว่าได้กระทำผิด ฐานจงใจใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากทางเครือข่าย Con for All เห็นว่าการวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ขัดต่อหลักอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนตาม มาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ขัดต่อหลักการพิจารณาคดีที่เป็นพื้นฐานในระบบกฎหมายไทยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญามาตรา 192 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 และไม่เข้าเป็นลักษณะเป็นคำบังคับ ตามมาตรา 74 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561
ขณะที่ นรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความ ระบุว่า กรณีที่ Con for All ยื่นฟ้องต่อ ป.ป.ช. ในวันนี้ เป็นการใช้สิทธิของปวงชนชาวไทยที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญ 2560 ตามมาตรา 234 ซึ่งบัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า ป.ป.ช. มีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจหรือวินิจฉัยขัดต่อรัฐธรรมนูญ การยื่นคำร้องจึงเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายที่ระบุในรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน
ต่อมา พัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทนรับหนังสือจากเครือข่ายฯ โดยระบุว่า การใช้สิทธิตรวจสอบองค์กรอิสระเป็นสิทธิที่ถูกรองรับไว้ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป โดยขั้นตอนการตรวจสอบจะดำเนินการไปตามกฎหมายที่กำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบไว้ คือ 1 ถึง 3 ปี แต่ยืนยันว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดปัจจุบันมีแนวทางในการดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในกรอบระยะเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ ระยะเวลาในการตรวจสอบที่แน่นอนจะขึ้นอยู่กับ “เนื้อหาในรายละเอียด” ว่าต้องใช้กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตาม ย้ำว่ากระบวนการจะดำเนินการอย่างรวดเร็วภายใต้กรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด