×

ส่องแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของปี 2025 ทองคำอาจไปถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ

07.01.2025
  • LOADING...
สินค้าโภคภัณฑ์

ในปี 2024 นักลงทุนหันมาถือทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ จนราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทำสถิติสูงสุดใหม่ ในขณะที่สินค้าโภคภัณฑ์อย่างแร่เหล็กปรับตัวลดลง เนื่องจากเศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นผู้บริโภคโลหะรายใหญ่ที่สุดของโลก เผชิญกับการเติบโตที่ชะลอลง

 

ซาบริน เชาดูรี หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์สินค้าโภคภัณฑ์จาก BMI กล่าวว่า สินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมจะเผชิญแรงกดดันในปี 2025 การแข็งค่าของเงินดอลลาร์จะจำกัดความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

 

นักลงทุนยังคงจับตานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากจีน โดยหวังว่านโยบายเหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ในเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก

 

ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น

 

ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดหลายครั้งในปีที่แล้ว และแนวโน้มอาจยังคงดำเนินต่อในปี 2025

 

เอเดรียน แอช จาก BullionVault กล่าวว่า นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อทองคำและเงินในปี 2025 เนื่องจากมุมมองเชิงลบต่อภูมิรัฐศาสตร์และหนี้รัฐบาล

 

ด้านนักวิเคราะห์จาก JPMorgan คาดว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่นโยบายของสหรัฐฯ สร้างความวุ่นวาย เช่น การเพิ่มภาษี การยกระดับความตึงเครียดทางการค้า ฯลฯ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก JPMorgan, Goldman Sachs และ Citigroup ต่างประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสจะไปถึง 3,000 ดอลลาร์สหรัฐจากเหตุผลหลักคือ อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจากการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งมักจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ รวมทั้งความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และความต้องการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของธนาคารกลางแต่ละประเทศ

 

ราคาน้ำมันดิบอาจลดลง

 

ราคาน้ำมันดิบในปีที่แล้วลดลง เนื่องจากความต้องการที่อ่อนแอในจีนและอุปทานที่ล้นตลาด โดยนักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะยังคงถูกกดดันในปี 2025

 

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ในเดือนพฤศจิกายนว่า ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในปี 2025 จะเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบกับการเพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2023

 

Commonwealth Bank of Australia คาดว่าราคาน้ำมันเบรนต์จะลดลงเหลือ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในปีนี้ โดยคาดการณ์ว่าการผลิตน้ำมันจากประเทศนอกกลุ่ม OPEC+ ที่เพิ่มขึ้นจะมากกว่าความต้องการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น

 

BMI ระบุในรายงานเดือนธันวาคมว่า ครึ่งแรกของปี 2025 จะเผชิญกับอุปทานที่ล้นตลาด เนื่องจากการผลิตน้ำมันใหม่จากสหรัฐฯ แคนาดา กายอานา และบราซิล ขณะที่หาก OPEC+ ยกเลิกการลดการผลิตโดยสมัครใจ อุปทานล้นตลาดจะกดดันราคาลงอีก

 

BMI ยังเสริมด้วยว่า ความต้องการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในปี 2025 จะยังคงไม่ชัดเจน โดยมีปัจจัยบวกจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่คงที่และความต้องการเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น แต่ถูกชดเชยด้วยผลกระทบจากสงครามการค้า เงินเฟ้อ และความต้องการที่ลดลงในตลาดที่พัฒนาแล้ว

 

ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ล่าสุดซื้อ-ขายอยู่ที่ 76.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งใกล้เคียงกับระดับเดียวกันในช่วงต้นเดือนมกราคมปีที่แล้ว

 

ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น

 

นักวิเคราะห์จาก Citi ระบุว่า ราคาก๊าซธรรมชาติทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2024 เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นและปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ 

 

การที่ยูเครนระงับการส่งต่อก๊าซธรรมชาติของรัสเซียไปยังหลายประเทศในยุโรปเมื่อวันปีใหม่ เพิ่มความไม่แน่นอนในตลาดก๊าซธรรมชาติทั่วโลก หากการระงับยังคงมีผล ราคาก๊าซธรรมชาติอาจยังคงสูง

 

Citi คาดว่าสภาพอากาศที่หนาวเย็นในสหรัฐฯ และเอเชียในช่วงฤดูหนาวที่เหลือ จะยังคงช่วยหนุนราคาก๊าซให้อยู่ในระดับสูง

 

BMI คาดการณ์ว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นประมาณ 40% ในปี 2025 ไปอยู่ที่ 3.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู เทียบกับค่าเฉลี่ย 2.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียูในปี 2024

 

นักวิเคราะห์ BMI ระบุว่า ความต้องการจากภาค LNG ที่เพิ่มขึ้นและการส่งออกผ่านท่อที่สูงขึ้นจะช่วยสนับสนุนราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น

 

แร่เหล็กและทองแดงยังอ่อนตัว

 

ราคาทองแดง ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและโครงข่ายไฟฟ้าอาจปรับตัวลดลง โดยนักวิเคราะห์จาก BMI คาดการณ์ว่านโยบายการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ช้าลง อาจลดความต้องการทองแดงที่เคยเพิ่มขึ้นจากกระแสพลังงานสีเขียว

 

ราคาแร่เหล็กอาจปรับตัวลดลงเช่นกัน โดย Goldman Sachs คาดว่าภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ต่อจีน และอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายใหม่ของจีน จะทำให้ราคาแร่เหล็กลดลงเหลือ 95 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2025

 

ความต้องการโกโก้และกาแฟอาจลดลง

 

ราคาโกโก้และกาแฟโดดเด่นในกลุ่มสินค้าเกษตร โดยทำสถิติสูงสุดในปี 2024 เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายและอุปทานตึงตัวในภูมิภาคผู้ผลิตสำคัญ อย่างไรก็ตาม ความต้องการอาจลดลงในปี 2025

 

“เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มีราคาสูงกว่าต้นทุนการผลิตอย่างมาก เราคาดว่าการผลิตจะขยายตัวและความต้องการจะลดลงในปีหน้า” นักวิจัยจาก Rabobank กล่าว

 

ภาพ: Lemonsoup14 / Shutterstock 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X