วันนี้ (26 มีนาคม) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะไข่ไก่ว่าบางช่วงอาจล้นตลาด บางช่วงก็อาจขาดตลาด อย่างเช่นปีที่แล้วไข่ล้นตลาดถึงขั้นที่รัฐบาลจะต้องช่วยอุดหนุนการส่งออก โดยรัฐอุดหนุนเพื่อการส่งออกฟองละ 46 สตางค์ และช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ในประเทศด้วย แต่ในช่วงเวลานี้เนื่องจากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากผลกระทบของโควิด-19 และมาตรการที่เข้มข้นขึ้นของรัฐบาล ดังนั้นอาจทำให้พี่น้องประชาชนมีความกังวลว่าไข่จะขาดตลาด ทำให้มีความต้องการเพิ่มขึ้นในช่วงนี้ 2-3 เท่า เช่น จากการสำรวจบางห้างสรรพสินค้าที่ปกติ 1 ส่วนใช้เวลาขาย 3 วัน แต่ที่ผ่านมาใช้เวลาเพียงวันเดียวก็หมด เพราะฉะนั้นจึงทำให้ขาดตลาดในบางช่วงเวลา แต่เมื่อดูตัวเลขการผลิตรวมโดยเฉลี่ยยังถือว่าอยู่ในปริมาณเท่ากับหลายปีที่ผ่านมาคือวันละ 40 ล้านฟอง
สำหรับมาตรการของกระทรวงพาณิชย์นั้นจะเข้าไปดูในเรื่องการควบคุมราคาเพื่อไม่ให้มีการขายเกินราคา ขณะนี้ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มอยู่ที่ประมาณฟองละ 2.80-2.90 บาท ดังนั้นเมื่อถึงมือผู้บริโภคจะอยู่ในช่วง 3.30-3.50 บาท แต่หากจำหน่ายราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยที่ควรจะเป็นก็ถือว่าเป็นการค้ากำไรเกินควร ซึ่งจะมีการจับกุมดำเนินคดีโดยเด็ดขาด
สำหรับกรณีหน้ากากอนามัยเป็นอุทาหรณ์ที่ชัดเจนว่าคำพิพากษาศาลถึงขั้นจำคุกจริง และกรณีการขายสินค้าอุปโภคบริโภคในลักษณะค้ากำไรเกินควร รวมทั้งไข่ด้วย ก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งวันนี้ได้มีการพูดในที่ประชุมศูนย์อำนวยการโควิด-19 ในช่วงเช้าด้วยว่าจะขอให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการปราบปราม จับกุม ดำเนินคดีกับผู้ที่กักตุนและขายสินค้าเกินราคาและค้ากำไรเกินควรโดยเร่งด่วน แม้แต่ในกรุงเทพฯ ด้วยก็ตาม
ขณะที่วันนี้ตนได้รับแจ้งว่าที่จังหวัดพิษณุโลกมีการจับกุมดำเนินคดีร้านที่จำหน่ายสินค้าเกินราคา ได้แก่ บริเวณข้างโรงเรียนพุทธชินราชพิทยา อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งขายไข่ไก่เบอร์ 2 ราคาแผงละ 140 บาท ฟองละ 4.70 บาท และจะดำเนินคดีกับร้านค้าทุกรายที่ขายสินค้าเกินราคา
“ต้องขอความร่วมมือ เพราะว่าขณะนี้เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ทุกคนเป็นทุกข์มากอยู่แล้ว หากมีการค้ากำไรเกินควรก็เท่ากับเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ ซึ่งไม่สมควรที่จะให้เกิดขึ้น และหากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสที่ไหนก็ขอให้แจ้งมาที่ โทร. 1569 รวมทั้งสายตรวจของกระทรวงพาณิชย์และสายตรวจของหน่วยงานป้องกันปราบปรามการกักตุนสินค้าและค้ากำไรเกินควรของระดับจังหวัดก็จะออกไปตรวจตราดำเนินการด้วย” จุรินทร์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์เร่งด่วนในเรื่องไข่ที่ขาดตลาดในช่วงระยะเวลานี้ เพราะมีการเพิ่มกำลังซื้อขึ้นหลายเท่า รวมทั้งอาจมีการส่งออกไปจำนวนหนึ่งด้วย ตนจะเร่งออกประกาศห้ามการส่งออกไข่ไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะทดลองมาตรการนี้เป็นเวลา 7 วันเพื่อดูว่าสถานการณ์จะดีขึ้นหรือไม่ หากยังไม่ดีขึ้นก็จะพิจารณาขยายเวลาอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ได้มีการประสานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์จะไม่มีการอนุญาตส่งออกให้สอดประสานเป็นแนวเดียวกัน เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์นี้เป็นการชั่วคราวด้วย และเพื่อให้มีปริมาณไข่สำหรับการบริโภคภายในประเทศอย่างเพียงพอ
จุรินทร์กล่าวอีกว่าสินค้าอื่นๆ ก็จะมีการดำเนินคดีโดยเด็ดขาดเช่นเดียวกัน วันนี้เมื่อเวลา 11.00 น. มีการจับกุมกรณีขายเจลล้างมือในราคาแพงเกินควรที่ร้านภูเก็ตโกรเซอรี่ จังหวัดภูเก็ต โดย สภ.ภูเก็ต ได้ดำเนินคดีร้านดังกล่าว 2 คดีคือ ขายแอลกอฮอล์ 70% ยี่ห้อศิริบัญชา จากราคา 50-60 บาท แต่ขายในราคา 309 บาท
“ตอนนี้ในส่วนของเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ทั้งเร่งการผลิตร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม รวมไปถึงเรื่องการนำเข้า ไม่ว่าจะเป็นหน้ากาก N95, PPE Lab Test หรือเวชภัณฑ์อื่นๆ ยกเว้นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่ขณะนี้สามารถผลิตได้ 2.3-2.4 ล้านชิ้นต่อวัน ได้มีการจัดให้กระทรวงสาธารณสุขกระจายให้สถานพยาบาลทุกประเภท ทุกสังกัดทั่วประเทศ จำนวนเพิ่มได้ถึง 1.3-1.5 ล้านชิ้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการรับหน้ากากของกระทรวงสาธารณสุขและแต่ละโรงพยาบาล เพราะกระบวนการทางราชการบางครั้งก็มีขั้นตอน อาจทำให้ล่าช้าและติดขัดบ้าง
โดยวันนี้ได้แจ้งปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้เร่งดำเนินการในส่วนนั้นแล้ว เพื่อให้รับหน้ากากให้แพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งผู้ป่วยไปใช้ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีความสำคัญลำดับต้นที่สุดที่จะต้องให้มีโอกาสได้ใช้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ส่วนที่เหลือซึ่งเดิมกรมการค้าภายในเป็นผู้บริหารจัดการร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขก็จะมอบให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รับไปดำเนินการ เหตุที่เป็นกระทรวงมหาดไทย เพราะหลังจากมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการจังหวัดซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานและมีอำนาจเกือบเบ็ดเสร็จในทุกเรื่องแล้ว การจัดการเรื่องเวชภัณฑ์ป้องกันบางส่วน เช่น หน้ากากอนามัย ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการในเรื่องการกระจายหน้ากากในแต่ละจังหวัดได้ดีที่สุด เพราะจะเป็นผู้ที่รู้เรื่องในพื้นที่ดีที่สุดว่ากลุ่มเสี่ยงอยู่ที่ใดบ้าง” จุรินทร์กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์