วันนี้ (6 ธันวาคม) จอจาน เอกราช ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ออกมาแสดงจุดยืนว่า การดำเนินคดีกรณีพลทหารเสียชีวิตในค่ายสฤษดิ์เสนา ไม่ควรจำกัดความรับผิดไว้เพียงครูฝึกและผู้บังคับกองรักษาการณ์เท่านั้น โดยชี้ว่าผู้บังคับบัญชาระดับค่ายมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องรับผิดชอบโดยตรง หากมีการปฏิบัติที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย และไม่สามารถอ้างว่า “ไม่ทราบ” ได้
จอจานระบุว่า แนวทางการพิจารณาความรับผิดในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย (พ.ร.บ.อุ้มหายฯ) รวมถึงคำสั่งกระทรวงกลาโหม ซึ่งกำหนดชัดเจนถึงหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาในการควบคุม ยับยั้ง และติดตามการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชา
จอจานตั้งข้อสังเกตว่า ตัวแทนค่ายสฤษดิ์เสนาเคยเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการถึงสองครั้ง โดยยืนยันว่า “ไม่มีผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ” ทั้งที่มีข้อเท็จจริงสำคัญอย่างน้อยสองประเด็น ได้แก่
1.การนำพลทหารไปควบคุมตัวในจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งขัดต่อหลักการควบคุมตัว
2.การไม่ดูแลใกล้ชิดหรือนำส่งโรงพยาบาล ทั้งที่เป็นพื้นที่ซึ่งพลทหารเคยหลบหนีออกมา
จอจานอ้างถึงคำสั่งกระทรวงกลาโหม เลขที่ 499/3567 ข้อ 2.1.4.2 ที่ระบุว่า ผู้บังคับการค่ายต้องเป็นผู้รับทราบเหตุเป็นลำดับแรก มีหน้าที่ติดตามสถานการณ์ แจ้งอัยการและนายอำเภอ สั่งห้ามมิให้มีการควบคุมตัวในพื้นที่ไม่มีกล้อง และต้องจัดให้ผู้ถูกควบคุมอยู่ในสายตาของผู้บังคับบัญชา หรือส่งเข้ารับการรักษาพยาบาลโดยทันที
นอกจากนี้ จอจานยังตั้งข้อสังเกตต่อภาพถ่ายจากที่เกิดเหตุภายในค่าย ซึ่งเห็นว่ามีข้อพิรุธหลายประเด็นที่ควรได้รับการตรวจสอบอย่างรอบคอบ เช่น
-ลักษณะการผูกคอและตำแหน่งร่างกาย หากต้องอาศัยลูกกรง ผู้เสียชีวิตจะต้องหันหน้าเข้าหากำแพง
-ความสามารถของไม้แขวนในการรับน้ำหนักร่างกาย
-ลักษณะเท้าที่ยังแตะพื้น ซึ่งขัดกับพฤติกรรมสะท้อนกลับ (reflex) ที่มักเกิดขึ้นก่อนเสียชีวิต
-ลักษณะมือที่กำแน่น ซึ่งดูผิดปกติ
จอจานเรียกร้องให้พนักงานสอบสวนพิจารณาพยานหลักฐานอย่างรอบด้านก่อนสรุปสาเหตุการเสียชีวิต พร้อมย้ำว่า การไม่ตรวจสอบความรับผิดของผู้บังคับบัญชาระดับค่าย อาจนำไปสู่ภาวะ “ลอยนวลพ้นผิด” และไม่ช่วยสร้างบรรทัดฐานด้านความจริงและความเป็นธรรมในกองทัพ
ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการทหาร จอจานยืนยันว่าจะติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด และจะขอข้อมูลเพิ่มเติมจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปอย่างเที่ยงธรรมและโปร่งใสมากที่สุด


