วานนี้ (18 ตุลาคม) โคลิน พาวเวลล์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกของสหรัฐอเมริกา ที่เคยก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งในสมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช จากพรรครีพับลิกัน เมื่อปี 2001-2005 เสียชีวิตแล้วด้วยภาวะแทรกซ้อนจากโควิด ในวัย 84 ปี แม้ว่าจะฉีดวัคซีนโควิดครบโดสแล้วก็ตาม
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่า พาวเวลล์เป็นหนึ่งในเพื่อนรัก พร้อมกล่าวชื่นชมเขาในฐานะที่เป็นต้นแบบในอุดมคติสูงสุดที่รวมความเป็นทหารในสนามรบและความเป็นนักการทูตไว้ด้วยกัน
ขณะที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ทำงานร่วมกับพาวเวลล์เผยว่า เขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ยอดเยี่ยม เป็นแฟมิลี่แมน เป็นเพื่อนที่มักจะมีผลงานโดดเด่นและปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ จนทำให้พาวเวลล์ได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึง 2 ครั้ง คือในปี 1991 มอบโดยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช. ดับเบิลยู บุช ผู้พ่อ และอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ในปี 1993
ทางด้าน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศคนปัจจุบันระบุว่า ชีวิตของพาวเวลล์เป็นภาพสะท้อนความสำเร็จของความฝันของอเมริกันชน (American Dream) เขาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำกระทรวงการต่างประเทศอย่างเต็มความสามารถ เขาไม่เคยหยุดเชื่อมั่นในอเมริกา และเราเองก็เชื่อมั่นในอเมริกาไม่น้อย เพราะประเทศแห่งนี้ช่วยสร้างคนที่มีความสามารถอย่าง โคลิน พาวเวลล์
พาวเวลล์มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจส่งทหารเข้าร่วมสงครามในอิรัก เพื่อปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายภายหลังเหตุวินาศกรรม 9/11 แต่กระนั้นผลลัพธ์ของสงครามก็ไม่ได้เป็นไปตามข้อมูลที่เขามีหรือที่เคยกล่าวอ้างทั้งหมด เขาให้สัมภาษณ์กับ ABC News ในประเด็นนี้ เมื่อปี 2005 ก่อนที่จะหมดวาระว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันเจ็บปวด”
โดยพาวเวลล์เคยแสดงจุดยืนสวนทางกับพรรครีพับลิกัน ด้วยการสนับสนุนและรับรองให้ บารัก โอบามา ก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2008 รวมถึง ฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครตกับ โดนัลด์ ทรัมป์ และสนับสนุนให้ โจ ไบเดน ก้าวขึ้นเป็นผู้นำสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ซึ่งพาวเวลล์เผยว่า จุดยืนที่เขามีต่อความเป็นรีพับลิกันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หลังจากเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นที่อาคาร US Capitol ที่ผู้สนับสนุนทรัมป์ไม่พอใจผลการเลือกตั้ง จนนำไปสู่การใช้ความรุนแรง เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ที่ผ่านมา
ภาพ: Paul Morigi / Getty Images for Capital Concerts
อ้างอิง: