เชื่อเหลือเกินว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยได้คลิกซื้อบัตรคอนเสิร์ต Coldplay Music Of The Spheres World Tour Bangkok แล้วตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดมีการประกาศเพิ่มรอบเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน สมกับการเป็นทัวร์คอนเสิร์ต 40 สเตเดียมที่ล้วนแล้วแต่ขายบัตรหมดเกลี้ยงทุกใบ
Music Of The Spheres World Tour ของวง Coldplay นั้น มีกำหนดเริ่มต้นที่สหรัฐฯ ในเดือนมีนาคม 2565 และจะสิ้นสุดที่ต้นปี 2567 ความพิเศษของทัวร์คอนเสิร์ตนี้ไม่ได้อยู่ที่ความอิ่มอกอิ่มใจที่แฟนเพลงจะได้รับจาก 4 หนุ่มวง Coldplay เท่านั้น แต่ความมุ่งมั่นของ Coldplay ในการทำให้ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุดนั้น กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ด้านความยั่งยืนในธุรกิจเพลงและการจัดงานอีเวนต์
รายละเอียดของเรื่องนี้เริ่มจาก Coldplay ตั้งเป้าที่จะทำให้ทัวร์ของวงเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และหวังว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนโดยตรงลง 50% โดยต้องการเป็นตัวอย่างของวงการเพลง และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สิ่งที่ Coldplay ทำไปแล้วสามารถแบ่งกลุ่มได้ไม่ต่ำกว่า 7 เรื่อง เรื่องแรกคือการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ผลจากการใช้หลายมาตรการทำให้ทัวร์คอนเสิร์ตปัจจุบันของ Coldplay ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง 47% เมื่อเทียบกับทัวร์ครั้งก่อนของ Coldplay ในปี 2559-2560 หรือเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เรื่องที่ 2 คือการเปลี่ยนเส้นทางขยะ โดย 66% ของขยะจากการทัวร์ทั้งหมดถูกเปลี่ยนจากการทิ้งในหลุมฝังกลบ มาสู่กระบวนการคัดแยกเพื่อรีไซเคิลมากขึ้นได้สำเร็จ
เรื่องที่ 3 คือการปลูกต้นไม้ มีการบันทึกว่า Coldplay ปลูกต้นไม้ 5 ล้านต้นตามจำนวนผู้ชมคอนเสิร์ต 1 คนต่อต้น โดยต้นไม้จะได้รับการสนับสนุนจนครบกำหนดผ่านโครงการ One Tree Planted ขณะที่เรื่องที่ 4 คือพลังงานหมุนเวียน เห็นได้จากงานฝ่ายการผลิตหรือโปรดักชันของการจัดคอนเสิร์ต ทั้งระบบเสียง แสง และเลเซอร์ ล้วนใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานทดแทน 100%
ภาพ: Matthew McNulty / Getty Images
อีกมาตรการที่สร้างความมั่นใจถึงการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพคือ สายรัดข้อมือ LED แบบใช้ซ้ำได้ เรื่องที่ 5 นี้มีการเฉลิมฉลองที่ทัวร์คอนเสิร์ตของ Coldplay ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการรณรงค์ให้ส่งคืนสายรัดข้อมือ LED ที่ทำจากพืชแบบใช้ซ้ำได้ ที่ผู้ชมสวมไว้ในระหว่างการแสดง โดยสถิติการส่งคืนเฉลี่ยนั้นสูงถึง 86% ซึ่งแปลว่าผู้ชมส่วนใหญ่ส่งเสริมความยั่งยืนและการลดขยะ
เรื่องที่ 6 คือการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานจลน์ ข้อมูลระบุว่า การแสดงแต่ละครั้งของ Coldplay จะสร้างพลังงานเฉลี่ย 15kWh ผ่านระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งไว้ในสถานที่ ไม่เพียงแค่ฟลอร์เต้นสุดมันพลังงานจลน์ แต่ยังมีจักรยานไฟฟ้าที่สามารถสร้างพลังงานสำหรับการแสดง C-Stage และรองรับสถานีชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับทีมงานหลังเวทีด้วย
ปิดท้ายด้วยเรื่องที่ 7 คือการบริจาคและการสนับสนุน ส่วนนี้ Coldplay ได้บริจาคอาหาร 3,770 มื้อ และเครื่องใช้ในห้องน้ำ 73 กิโลกรัม จากการจัดทัวร์ให้กับคนไร้บ้าน และยังได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมด้วย
7 เรื่องที่เป็นผลงานของ Coldplay นี้ได้รับการประเมินและรับรองโดยศาสตราจารย์จอห์น เฟอร์นานเดซ (John E. Fernandez) จากโครงการโซลูชันเพื่อสิ่งแวดล้อมของสถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐแมสซาชูเซตส์ (MIT Environmental Solutions Initiative) โดยได้รับการยกย่องทั้งในแง่ของใจความสำคัญและความเข้มข้นที่ถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ ซึ่ง Coldplay ก็มีแถลงการณ์แสดงความขอบคุณต่อทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการทำให้ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแฟนเพลงที่ Coldplay ขอบคุณอย่างจริงใจจากการมีส่วนร่วมในการลงมือทำกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การส่งเสริมอย่างเต็มที่และการปรับเพิ่มเติมให้เข้ากับผู้ชม ทำให้ความมุ่งมั่นเรื่องความยั่งยืนของ Coldplay กำลังกลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับศิลปินคนอื่น นักวิเคราะห์เชื่อว่า Coldplay จะมีส่วนช่วยผลักดันการเคลื่อนไหวให้ขยายผลสู่แนวปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมดนตรี
6 อิมแพ็กคอนเสิร์ตยุคใหม่
ผลโดยตรงส่วนแรกที่อุตสาหกรรมเพลงได้รับจากปรากฏการณ์คอนเสิร์ตคาร์บอนต่ำของ Coldplay คือ การมีตัวอย่างที่จับต้องได้ เรื่องนี้ Coldplay มีฐานะเป็นศิลปินดังที่มีชื่อเสียงมาก ในเรื่องการทัวร์คอนเสิร์ต Coldplay จึงเป็นตัวอย่างที่ทรงพลังสำหรับนักดนตรีและวงดนตรีอื่น
แน่นอนว่าความพยายามของ Coldplay แสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนสามารถรวมเข้าเป็นเรื่องเดียวกันกับงานดนตรีขนาดใหญ่ได้ โดยไม่ลดทอนคุณภาพของการแสดง อิทธิพลนี้จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ศิลปินคนอื่นนำแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมเชิงบวกทั่วทั้งอุตสาหกรรม
ภาพ: Georg Wendt / picture alliance via Getty Images
ไม่เพียงเท่านั้น ความคาดหวังของผู้ชมในอนาคตจะเปลี่ยนไป เพราะโปรเจกต์เพื่อความยั่งยืนของ Coldplay มีอิทธิพลต่อความคาดหวังและพฤติกรรมของผู้ชม ด้วยการส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ เช่น กระแสรณรงค์ใช้ขนส่งสาธารณะ การรีไซเคิล และนำขวดน้ำมาเติมรีฟิล ทั้งหมดนี้ Coldplay ไม่เพียงกระตุ้นให้ผู้ชมคอนเสิร์ตใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงความคาดหวังของผู้ชม ซึ่งจะดันดีมานด์สำหรับแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนจากศิลปินและผู้จัดงานให้มากขึ้นด้วย
ความต้องการที่เพิ่มขึ้นนำไปสู่แรงกดดันที่ขยายวงตามไปด้วย อิมแพ็กที่สำคัญจากนี้จึงอาจเป็นแรงกดดันต่อทั้งอุตสาหกรรม ไล่ตั้งแต่ศิลปิน โปรโมเตอร์ และเจ้าของสถานที่จัดงาน ที่อาจต้องลุกขึ้นมาจัดการกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อที่จะไม่ต้องเผชิญกับการตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากแฟนคลับ สื่อ และองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม หากไม่ตั้งใจทำจนล้มเหลวในการนำไอเดียรักษ์โลกมาใช้ คาดว่าแรงกดดันนี้เองที่จะสามารถผลักดันการเปลี่ยนแปลงทั่วทั้งอุตสาหกรรม และส่งเสริมการพัฒนาแนวทางปฏิบัติและเทคโนโลยีที่ยั่งยืน
ในอีกมุมหนึ่ง การร่วมมือระหว่างองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรมเพลงอาจจะได้รับผลดี เพราะโปรเจกต์ของ Coldplay สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังต้องการการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ด้วยการเน้นความร่วมมือกับหลายองค์กร ทั้ง The Ocean Cleanup และ ClientEarth
นอกจากนี้ อิมแพ็กจากโปรเจกต์ Coldplay ยังอาจสะท้อนถึงการนำนวัตกรรมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาใช้กับการจัดคอนเสิร์ต เพราะการรวมแหล่งพลังงานหมุนเวียน ยานพาหนะไฟฟ้า และเทคโนโลยีที่ยั่งยืนอื่นๆ ของ Coldplay แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของนวัตกรรมในอุตสาหกรรมดนตรี การนำระบบแบตเตอรี่ไฟฟ้ามาใช้ และการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ในสถานที่ แสดงให้เห็นว่าแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนสามารถทำได้จริง แถมยังมีประสิทธิภาพด้วย กรณีนี้สามารถส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดเป็นโซลูชันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งปรับให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของอุตสาหกรรมเพลงโดยเฉพาะ
อีกผลลัพธ์จากโปรเจกต์นี้ที่ชัดเจนที่สุดคือ การรับรู้และสร้างชื่อเสียงของ Coldplay ในเชิงบวกต่อสาธารณชน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าโปรเจกต์นี้ของ Coldplay ช่วยเพิ่มชื่อเสียงและกระชับความสัมพันธ์กับแฟนเพลงได้มากเพียงใด โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น ในส่วนนี้ Coldplay อาจจะสามารถดึงดูดแฟนเพลงใหม่และเพิ่มความภักดีของแฟนเพลงดั้งเดิมที่มีอยู่ ซึ่งศิลปินและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมรายอื่นอาจได้รับประโยชน์ในลักษณะเดียวกันได้ หากมีการทำโปรเจกต์ความยั่งยืนในสไตล์คล้ายกัน
ที่สุดแล้ว คอนเสิร์ตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของ Coldplay นี้จะส่งผลเปลี่ยนแปลงต่ออุตสาหกรรมดนตรีทั้งระบบแบบเข้มข้น ตั้งแต่ศิลปิน ผู้ชม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม ทุกคนจะให้ความสำคัญกับความยั่งยืนจากตัวอย่างที่เห็น และมีแนวโน้มที่อุตสาหกรรมดนตรีจะใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและมีความรับผิดชอบมากขึ้นอีกในอนาคต
ภาพ: Ole Jensen / Getty Images
อ้างอิง:
- www.greenqueen.com.hk/coldplay-2022-tour-sustainability/
- www.euronews.com/culture/2023/06/05/fix-you-coldplays-eco-friendly-tour-reduces-bands-carbon-emissions-by-nearly-half
- https://variety.com/2023/music/news/coldplay-tour-carbon-footprint-sustainability-green-1235632704/
- https://ew.com/music/coldplay-environmentally-friendly-music-of-the-spheres-tour/
- www.billboard.com/music/rock/coldplay-5-million-trees-planted-carbon-reduction-music-of-spheres-tour-1235344736/
- www.washingtonpost.com/climate-solutions/2022/07/21/jack-johnson-coldplay-climate-change/