Coca-Cola เพิ่งออกมาประกาศผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2020 ซึ่งถูกประเมินว่าเป็นไตรมาสที่ ‘ท้าทายมากที่สุด’ ของการทำธุรกิจ ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่พูดสักเท่าไร เพราะรายได้สุทธิ (Net Revenues) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 7.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.27 แสนล้านบาท ลดลงมากถึง 28% โดยตัวเลขนี้ถือเป็นการลดลงรายไตรมาสมากที่สุดในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว
สาเหตุที่ทำให้รายได้ลดอย่างฮวบฮาบเป็นเพราะรายได้กว่าครึ่งของ Coca-Cola มาจากยอดขายนอกบ้าน โดยเฉพาะร้านอาหาร สวนสนุก หรือโรงละครต่างๆ เช่น McDonald’s และ AMC Entertainment ซึ่งส่วนใหญ่สามารถเปิดให้บริการได้บางส่วน หรือต้องปิดทั้งหมดอันเป็นผลมาจากวิกฤตโควิด-19
Coca-Cola เองยอมรับว่า ความท้าทายที่สุดของการทำธุรกิจอยู่ที่มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งล่าสุดนั้นมีการคลายมากขึ้นแล้ว ทำให้ผู้บริโภคเริ่มสั่ง Coke มากินมากขึ้นเช่นกัน ตัวเลขที่เคยเป็นที่น่ากังวลอย่างปริมาณของการขายที่ลดลง 25% ในเดือนเมษายนก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ โดยลดลง 10% ในเดือนมิถุนายน และเหลือตัวเลขหลักเดียวในระดับกลางๆ ในเดือนกรกฎาคมถึงปัจจุบัน
เมื่อมองลึกลงไปจะพบว่า ยอดขายในกลุ่มน้ำอัดลมลดลง 12% ในไตรมาสนี้ ส่วนแบรนด์แฟลกชิปอย่าง Coke กลับลดลงเพียง 7% ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้ยอดขายกลุ่ม Zero Sugar ลดลงเพียง 4% เท่านั้น
ทว่ายอดขายในกลุ่มอื่นๆ กลับลดลงอย่างถ้วนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มชาและกาแฟที่ลดลงกว่า 31% อันเป็นผลมาจากร้านกาแฟในยุโรปตะวันตกเกือบทั้งหมดต้องปิดตัวลงชั่วคราว กลุ่มน้ำดื่มและสปอร์ตดริงก์ลดลง 24% ส่วนกลุ่มน้ำผลไม้และเครื่องดื่มที่ทำจากพีชลดลง 20%
ถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินมองว่า ในภาพรวมของธุรกิจจะดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 6-9 เดือนต่อจากนี้ แต่ เจมส์ ควินซีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Coca-Cola กลับแสดงความเห็นว่า ธุรกิจจะไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จากการระบาดของโควิด-19 จนกว่าจะมีวัคซีนหรือโซลูชันที่ครอบคลุมอื่นๆ
“ธุรกิจยังคงดิ้นรนเพื่อกู้ผลงานให้อยู่ในระดับก่อนการระบาด แต่ก็ยังเป็นการยากแม้ในบางสถานที่จะได้รับอนุญาตให้เปิดได้อีกครั้งก็ตาม” แต่ถึงจะมีความท้าทาย Coca-Cola ก็มั่นใจในสภาพคล่องของธุรกิจจากความแข็งเกร่งของงบดุล และเชื่อว่าจะสามารถดำเนินต่อไปท่ามกลางวิกฤต
โดยตัวแปรที่ใหญ่ที่สุดในอนาคตคือระดับของการล็อกดาวน์ แม้บางประเทศที่เคยคลายจะกลับมามีมาตรการที่เข้มขึ้นอีกครั้ง แต่ Coca-Cola ข้อจำกัดของธุรกิจยังไม่รุนแรงเท่ารอบแรกที่มีการประกาศล็อกดาวน์
แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้ Coca-Cola จึงกำลังวางแผนปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอโดยเน้นไปที่แบรนด์ขนาดใหญ่และเป็นที่นิยมมากขึ้น เนื่องจากน้อยกว่าครึ่งจาก 400 แบรนด์ที่สามารถทำรายได้ในสัดส่วนที่มากถึง 98% การเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ทั้งองค์กรมีความยืดหยุ่น และอาจส่งผลให้มีการปลดพนักงาน อย่างไรก็ตาม Coca-Cola ยืนยันว่าจะไม่ละทิ้งแบรนด์เล็กๆ อย่างสมบูรณ์ แต่จะจัดลำดับความสำคัญของผู้ที่กำลังเติบโต
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2020/07/21/coca-cola-ko-earnings-q2-2020.html
- https://www.cnbc.com/2020/07/21/coca-cola-ceo-business-lagging-even-in-markets-where-coronavirus-under-control.html
- https://www.bloomberg.com/news/articles/2020-07-21/coke-is-through-the-worst-quarter-says-it-gets-better-from-here
- https://www.reuters.com/article/us-coca-cola-results/coca-cola-predicts-recovery-after-most-challenging-quarter-idUSKCN24M1G9