CNN Business รายงานว่าล่าสุด เจ้าชายวิลเลียม ดยุกแห่งคอร์นวอลล์และเคมบริดจ์ พระราชโอรสพระองค์โตในพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และเจ้าหญิงไดอานา เพิ่งได้รับมรดกอายุ 685 ปี ที่มีมูลค่ากว่า 1 พันล้านปอนด์ หรือราว 4.2 หมื่นล้านบาทแม้พระราชพินัยกรรมของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ที่สวรรคตเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา จะไม่ได้มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ
Forbes ประเมินเมื่อปีที่แล้วว่าทรัพย์สินส่วนตัวของพระมหากษัตริย์ผู้ล่วงลับไปแล้วมีมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1.8 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยอัญมณี งานศิลปะ การลงทุน และอสังหาริมทรัพย์ 2 แห่ง คือ ‘ปราสาทบัลมอรัล’ คฤหาสน์ขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอเบอร์ดีนเชอร์ สกอตแลนด์ และตำหนักซานดริงแฮม ซึ่งควีนได้รับมรดกทั้ง 2 จากเสด็จพ่อของพระองค์
“(พระราชประสงค์) ถูกซ่อนไว้ ดังนั้นเราจึงไม่รู้ว่าจริงๆ ในนั้นมีทรัพย์สินอะไรอยู่บ้าง เพราะไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะเลย” ลอร่า แคลนซี อาจารย์ด้านสื่อของมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ และผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการเงินของราชวงศ์กล่าวกับ CNN Business
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- อังกฤษ ในยุคเปลี่ยนผ่าน ท่ามกลางโจทย์ท้าทายใหญ่ทางเศรษฐกิจที่เสี่ยงเผชิญภาวะถดถอยในเวลาอันใกล้
- ใครคือรัชทายาท 10 ลำดับแรกแห่งราชวงศ์อังกฤษ รัชสมัยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3
- เงินปอนด์อ่อนค่า หลังข่าวสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธสวรรคต ด้านแบงก์ชาติอังกฤษยันธนบัตรควีนยังใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
แต่ความมั่งคั่งมหาศาลของราชวงศ์รวมอย่างน้อย 1.8 หมื่นล้านปอนด์ หรือราว 7.6 แสนล้านบาท ในที่ดิน ทรัพย์สิน และการลงทุน ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านเส้นทางที่เก่าแก่หลายร้อยปีถูกส่งต่อสู่พระมหากษัตริย์องค์ใหม่ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และทายาทของพระองค์
หนึ่งในความมั่งคั่งถูกส่งต่อให้กับเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งขยับขึ้นดำรงพระอิสริยยศ รัชทายาทลำดับที่ 1 หรือ มกุฎราชกุมารแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ โดยการสืบทอดผ่านตำแหน่ง ‘ดยุกแห่งคอร์นวอลล์’ (Duke of Cornwall) ต่อจากเสด็จพ่อของพระองค์ด้วย
ดัชชี (Duchy) อันเป็นอาณาเขตการปกครองหรือบริเวณที่ปกครองโดยดยุกหรือดัชเชส เป็นเจ้าของที่ดินและทรัพย์สินอันกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่เกือบ 140,000 เอเคอร์ ส่วนใหญ่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ สร้างขึ้นในปี 1337 โดยกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 3 ที่ดินมีมูลค่าประมาณ 1 พันล้านปอนด์ หรือราว 4.2 หมื่นล้านบาท ตามบัญชีสำหรับปีการเงินที่แล้ว
เว็บไซต์ของ Duke of Cornwall ระบุว่า รายได้จากอสังหาริมทรัพย์ ‘ใช้เป็นทุนสำหรับกิจกรรมสาธารณะ ส่วนตัว และกิจกรรมการกุศล’ ซึ่งปัจจุบันเจ้าชายวิลเลียมครอบครองตำแหน่งดังกล่าวอยู่
ทรัพย์สินส่วนที่ใหญ่ที่สุดของราชวงศ์คือ 1.65 หมื่นล้านปอนด์ หรือราว 7 แสนล้านบาท ถูกส่งต่อให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ในฐานะกษัตริย์ที่ครองราชย์ แต่ภายใต้ข้อตกลงที่มีมาตั้งแต่ปี 1760 พระมหากษัตริย์ทรงมอบผลกำไรทั้งหมดจากที่ดินให้แก่รัฐบาลก่อนจะได้รับการจัดสรรผ่าน ‘เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์’ (Sovereign Grant)
ที่ดินประกอบด้วยพื้นที่กว้างขวางในใจกลางกรุงลอนดอน ตลอดจนรอบๆ อังกฤษ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ ถูกจัดการด้วยบรรษัทและบริหารจัดการโดยผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมาธิการหรือกรรมการที่ไม่ใช่ผู้บริหาร ซึ่งแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ตามคำแนะนำของนายกรัฐมนตรี
ในปีงบการเงินที่แล้ว มีกำไรสุทธิเกือบ 313 ล้านปอนด์ หรือ 1.3 หมื่นล้านบาท จากนั้นกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักรได้มอบเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ให้กับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จำนวน 86 ล้านปอนด์ หรือ 3.6 พันล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับ 1.29 ปอนด์ ต่อประชากร 1 คนในสหราชอาณาจักร โดยเงินส่วนใหญ่นี้ใช้ในการรักษาทรัพย์สินของราชวงศ์และจ่ายเงินจ้างพนักงานในส่วนต่างๆ
เงินปีส่วนพระมหากษัตริย์มักจะเทียบเท่ากับ 15% ของกำไรของอสังหาริมทรัพย์ แต่ในปี 2017 มีการจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 25% สำหรับใช้ปรับปรุงพระราชวังบักกิงแฮม
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ยังได้รับมรดกดัชชีแห่งแลงคาสเตอร์ ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ส่วนพระองค์ที่มีอายุย้อนไปถึงปี 1265 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 653 ล้านปอนด์ หรือ 2.8 หมื่นล้านบาท รายได้จากการลงทุนครอบคลุมค่าใช้จ่ายอย่างเป็นทางการที่ไม่ได้รับจากเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์ และช่วยสนับสนุนสมาชิกราชวงศ์พระองค์อื่นๆ
แม้จะมีมูลค่ามหาศาล แต่พระมหากษัตริย์และทายาทถูกจำกัดในการใช้เงินดังกล่าว โดยพระมหากษัตริย์สามารถใช้เงินพระราชทานเพื่อพระราชกรณียกิจเท่านั้น ขณะที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้ได้รับประโยชน์จากการขายทรัพย์สิน กำไรจากการขายจะถูกนำกลับไปลงทุนในที่ดินตามคำอธิบายที่ตีพิมพ์โดยสถาบันเพื่อรัฐบาล (IfG) โดยกระทรวงการคลังของสหราชอาณาจักรต้องอนุมัติธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ทั้งหมดด้วย
ปีที่แล้วพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งในขณะนั้นคือดยุกแห่งคอร์นวอลล์จ่ายเงินส่วนตัวให้พระองค์มูลค่า 21 ล้านปอนด์ หรือ 885 ล้านบาทจากดัชชีแห่งคอร์นวอลล์
ทั้งเจ้าชายวิลเลียมและพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีในรูปแบบใดๆ ในที่ดินดังกล่าว แม้ว่าดัชชีทั้งสองได้จ่ายภาษีเงินได้ด้วยความสมัครใจมาตั้งแต่ปี 1993 ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น 1 ปี หลังจากที่ราชวงศ์ต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงสำหรับการวางแผนใช้เงินสาธารณะเพื่อซ่อมแซมปราสาทวินด์เซอร์ซึ่งได้รับความเสียหายจากไฟไหม้
หมายเหตุ: คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยน 1 ปอนด์ เท่ากับ 42.12 บาท
ภาพ: Chris Jackson / Getty Images
อ้างอิง: