วันนี้ (12 พฤษภาคม) เวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่บริเวณอาคารกีฬาเวสน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมแกนนำของพรรคกล่าวปราศรัย พร้อมย้ำจุดยืนก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่
โดย สกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นกล่าวปราศรัยคนแรก เน้นย้ำก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยระบุว่า เราอยากเห็นประเทศเดินไปทางไหน อยากเห็นคนในชาติสามัคคี หรืออยากเห็นบ้านเมืองแตกแยก คนรุ่นใหม่ไปทางคนเก่าไปทาง อยากเห็นการชุมนุมรายวัน การเมืองติดหล่มความขัดแย้งไม่ไปไหนหรือไม่
“การก้าวข้ามความขัดแย้งไม่ได้หมายความว่า เราจะจับกับทุกคนทุกขั้ว แต่จะต้องทำให้ประชาชนในประเทศต้องกลับมารักกันให้ได้เหมือนเดิม ฟังคนที่เห็นต่าง แต่เราต้องอยู่ให้ได้ เป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย แต่มีเส้นที่เราข้ามไม่ได้ก็คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดังนั้นพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองใดก็ตามที่ไม่เอาชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำให้สั่นคลอนถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ถึงจะขัดแย้งก็ต้องขัดแย้ง เพราะเป็นจุดยืนที่ยอมรับไม่ได้” สกลธีกล่าว
สกลธีกล่าวอีกว่า ประเทศของเราไม่ใช่ของเล่น เราไม่มีเวลาให้คนไม่มีประสบการณ์คนที่คิดจะสร้างความแตกแยกในบ้านเมืองมาบริหารประเทศ เรายอมไม่ได้ ขณะเดียวกันเราจะยอมให้เอาพ่อมาไม่ได้ เอาลูกมา เอาอามาบริหารประเทศหรือไม่
ด้าน วราเทพ รัตนากร คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ขึ้นปราศรัยว่า พรรคนี้ไม่มีนายทุน ไม่มีนายใหญ่ ไม่มีครูใหญ่ มีแต่ใจบันดาลแรง ทุกเวทีจะมีวาทกรรมที่สร้างความเกลียดชังและใส่ร้าย แต่พรรคพลังประชารัฐมีวาทกรรมเดียวคือการก้าวข้ามความขัดแย้ง
“ประเทศไทย 20 กว่าปีแล้วที่เรายังหาผู้นำที่เหมาะสมกับวิกฤตทางการเมืองและสถานการณ์ต่างๆ ผมเห็นอยู่คนเดียวที่มีจิตใจดีและเหมาะสมคือ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผมถึงไม่ย้ายไปไหน วันนี้หลายคนโทรมาว่าถูกหลอก ผมบอกว่าไม่เป็นไรถ้าไม่เลือกตั้งจะพิจารณาให้กลับมา ส่วนผู้นำรุ่นใหม่ประสบการณ์อาจจะเสี่ยงได้ความเคลือบแคลงใจที่ผู้นำทำเพื่อประโยชน์ตนเองหรือครอบครัว มาทำประเทศไทยให้ไม่เหมือนเดิมอย่างที่เรารับไม่ได้ จึงอยากชวนให้ทุกคนมาก้าวข้ามความขัดแย้งด้วยกัน” วราเทพกล่าว
วราเทพกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ในอดีตมาครั้งนี้เชื่อว่า พล.อ. ประวิตรจะสามารถทำได้ พรรคพลังประชารัฐเรามีตัวแทน ส.ส. ทุกภาค ทั้งนี้ เขาบอกว่าคนกรุงเทพฯ ไม่ชอบเลือกรัฐบาล ขอประชาชนพิสูจน์ให้เห็นว่าคราวนี้คนกรุงเทพฯ จะเลือก ส.ส. เข้ามาเป็น 2 เท่า ให้ได้ผู้นำที่ดี ผู้นำที่เดินทางไปดูแลพี่น้องทั่วประเทศไทย
ส่วน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมืองพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มีคนบอกว่าเลือกตั้งจะต้องวุ่นวาย การจัดตั้งรัฐบาลน่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ตนยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐจะหยุดวังวนแห่งความขัดแย้ง ตนมาพูดในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ซึ่งตอนนี้พรรคกำลังเดินมาถึงจุดที่จะเป็นตัวแปรทางการเมืองที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง จะเป็นมิติใหม่ของการเปลี่ยนแปลง สอดรับกับสถานการณ์ของบ้านเมือง
“38 วันที่ผู้นำทั้งประเทศเสียดายที่ท่านรักษาการสั้นเกินไป 38 วันเป็นเวลาพิสูจน์ว่า แม้เป็นเวลาสั้นๆ แต่ท่านอึดทน พร้อมที่จะรับใช้คนทั้งประเทศ ท่านยอมเสียสละตัวเอง เป็นคนเบื้องหลัง เป็นคนจัดการ เป็นคนเคลียร์ปัญหาไม่ใช่รัฐบาลเดียวแต่หลายรัฐบาล ผมมีความเชื่อว่าคนที่จะเป็นผู้นำที่ดีต้องเป็นผู้ตามที่ดีก่อน พล.อ. ประวิตรพร้อมที่จะเป็นนายกฯ มา 40 ปีแล้ว ลุงป้อมเป็นคนจิตใจดี รักทุกคน ให้อภัยทุกคน ท่านบอกว่าการเมืองใครจะแพ้ใครจะชนะเป็นเรื่องของการเมือง
แต่สิ่งที่ท่านปรารถนาคืออยากเห็นคนไทยรักกัน ไม่ว่าเขาจะสีอะไร เขาจะชอบใคร เขาจะรักใคร พร้อมรับฟังทุกคนที่เห็นต่าง ไม่เคยปฏิเสธใครที่เข้าพบ วันนี้ผมไม่เห็นใครที่มีคุณสมบัติในช่วงเวลาที่บ้านเมืองกำลังกลับไปสู่จุดเดิม วันที่ 14 นี้ ถ้าท่านตัดสินใจเลือกแบบเดิม ไม่ว่าของเดิมแบบไหน ท่านจะได้สิ่งเดิมๆ แต่ถ้าตัดสินใจใหม่ คนที่จะต่อสู้เพื่อรวมทุกอย่างทำให้ประเทศไทยกลับมามีเสถียรภาพได้ คนที่จะหยุดวังวน 10 ปีนั้นได้คือ พล.อ. ประวิตร” สนธิรัตน์กล่าว
และปิดท้ายด้วย พล.อ. ประวิตร ที่เดินขบวนโบกธงเปิดตัวเข้ามายังเวทีปราศรัย พร้อมกล่าวว่า วันนี้จะเป็นเวทีปราศรัยสุดท้าย ทุกนโยบายที่เราหาเสียงไว้ขอสัญญาว่าเราจะทำให้สำเร็จ เพราะผมเป็นบุคคลที่ไม่มีภาระใดๆ ไม่มีธุรกิจใดๆ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง มีเพียงภารกิจเดียวที่จะเป็นภารกิจสุดท้ายในชีวิตของตนคือการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ประเทศไทย ขอทุกคนช่วยกัน
“ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาที่ผมเป็นรัฐบาล ผมสามารถพูดคุยกับทุกคนที่เห็นต่างโดยไม่มีอคติใดๆ ดีไหม ตลอดชีวิตของผมมีหน้าที่ปกป้องประเทศจากศัตรู ภยันตรายในรูปแบบต่างๆ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา ประเทศเรายังมีปัญหาอีกมาก ทั้งปัญหาความขัดแย้ง การแทรกแซงทางการเมืองทั้งภายในและต่างประเทศ พรรคพลังประชารัฐมุ่งมั่นจะเอาชนะปัญหาของประชาชนในเรื่องเหล่านี้ให้ได้ ผมจะทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ผมจะทำทันที โดยทำให้ทุกคนเชื่อมั่นว่าผมทำได้ เชื่อมั่นไหม ถ้ามีความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรืองจะกลับมาสู่ประเทศอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งไปด้วยกัน” พล.อ. ประวิตรกล่าว
บางช่วงของการปราศรัย พล.อ. ประวิตรได้สอบถามประชาชนที่ร่วมรับฟังการปราศรัย โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีเสียงปรบมือและส่งเสียงให้กำลังใจตลอด ในช่วงท้าย พล.อ. ประวิตรได้ถ่ายรูปร่วมกับบรรดาผู้สมัคร ส.ส. และแกนนำพรรค พร้อมกับเซลฟีกับประชาชนที่เข้าร่วมปราศรัยด้วย