ชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในงาน CLMVT Forum 2019 ว่าประเทศในกลุ่ม CLMVT ได้แก่ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดระหว่างปี 2556-2560 โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ขยายตัวเฉลี่ย 4.25% ขณะที่การส่งออกขยายตัวเฉลี่ย 4.6% ท่ามกลางบรรยากาศการค้าโลกที่ผันผวนและตึงเครียดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ได้ประเมินผลจากการตอบโต้มาตรการการขึ้นภาษีระหว่างสองชาติมหาอำนาจ จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกในภาพรวมขยายตัวลดลง 0.5% หรือ 455 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563
สำหรับโอกาสของประเทศกลุ่ม CLMVT จากเหตุการณ์ดังกล่าว เชื่อว่า สินค้าส่งออกในกลุ่มอาหารและเกษตรจะมีส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐอเมริกาและจีนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ทั่วโลกยังเห็นศักยภาพของภูมิภาคนี้ที่การค้าขยายตัวดีและคล่องตัว ดังนั้น ชาติอาเซียนจึงต้องร่วมมือกันและพัฒนาความหลากหลายของสินค้าและตลาด นำข้อได้เปรียบต่างๆ ทั้งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ทรัพยากรมนุษย์ นวัตกรรม และเทคโนโลยี มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย
สำหรับประเทศไทย มูลค่าการส่งออกของไทยสู่ประเทศในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านมีสัดส่วนใกล้เคียงกับการส่งออกไปสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคู่ค้ารายสำคัญ นอกจากศักยภาพของตลาดที่เจริญเติบโตได้ดีแล้ว ตลาดนี้ยังถือเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงจากคู่ค้ามหาอำนาจที่กำลังเผชิญผลกระทบจากสงครามการค้าได้ ซึ่งจะนำไปสู่การย้ายฐานการผลิตและการลงทุนของต่างประเทศ จึงควรเตรียมพร้อมทั้งการผลักดันธุรกิจครัวเรือนไปสู่ธุรกิจระดับองค์กร รวมทั้งใช้เทคโนโลยีในการลดต้นทุนรวม ทั้งเชื่อมโยงช่องทางในการจัดจำหน่ายบนอีคอมเมิร์ซอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ ศาสตราจารย์คีชอร์ มาห์บูบานี ที่ปรึกษาอาวุโส (ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์) และศาสตราจารย์ด้านการดำเนินนโยบายสาธารณะจาก National University of Singapore กล่าวในหัวข้อ Are the US and China doomed to enmity? โดยชี้ว่า ความท้าทายของอาเซียนที่จะต้องเจอกับการวัดกำลังและบรรยากาศที่อึมครึมระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่อาจลากยาวไปถึงสิบปีข้างหน้า ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับช่วงปี 1980 ที่ทั้งสองชาติต่างร่วมมือกันผลักดันการพัฒนาในภูมิภาคนี้ ประกอบกับบรรดาผู้นำชาติอาเซียนต่างก็ทำงานกันอย่างใกล้ชิด เหนียวแน่น ไม่เหมือนกับปัจจุบันที่บริการกิจการภายในประเทศแบบต่างคนต่างอยู่ อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่า อาเซียนจะมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในฐานะตัวประสานที่ดีและเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำหรับการเคลื่อนไหวสำคัญๆ ในอนาคตต่อไป
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล