×

รมว.คมนาคม สหรัฐฯ เตือนทั่วโลกเตรียมตัว Climate Change ทำเครื่องบินตกหลุมอากาศเพิ่มขึ้น

27.05.2024
  • LOADING...
เครื่องบิน ตกหลุมอากาศ

พีต บุตติเจจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสหรัฐอเมริกา แสดงความเห็นกึ่งคำเตือนระหว่างการให้สัมภาษณ์กับรายการ Face the Nation ทางสถานีโทรทัศน์ CBS เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 พฤษภาคม) ระบุว่า สายการบินรวมถึงท่าอากาศยานทั่วโลกจำเป็นต้องยกเครื่องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินต่างๆ หลังการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change คือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เครื่องบินตกหลุมอากาศเพิ่มจำนวนมากขึ้น

 

ความเห็นดังกล่าวของบุตติเจจถือเป็นอีกหนึ่งความคืบหน้าล่าสุดที่ต้องการตอกย้ำให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงผลกระทบเลวร้ายของการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้น โดยบุตติเจจกล่าวว่า ความเป็นจริงในขณะนี้ก็คือ ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดขึ้นกับโลกแล้วในแง่ของการคมนาคมขนส่ง พร้อมประเมินว่า ความวุ่นวายจะยังคง “ส่งผลกระทบต่อนักเดินทางชาวอเมริกัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางภายในประเทศหรือเดินทางไปต่างประเทศก็ตาม”

 

บุตติเจจระบุว่า จนถึงขณะนี้โลกได้เห็นแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบอย่างเป็นรูปธรรมในแทบจะทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดคลื่นความร้อนในระดับที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ทางสถิติ จนอาจคุกคามสายเคเบิลของระบบขนส่งมวลชนในฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของแปซิฟิก ไปจนถึงฤดูกาลของเฮอริเคนที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ยังไม่นับรวมข้อบ่งชี้ต่างๆ ที่ตอกย้ำว่าความปั่นป่วนรุนแรงของสภาพภูมิอากาศทำให้หลุมอากาศ (Turbulence) เพิ่มขึ้นประมาณ 15%

 

คำเตือนนี้สอดคล้องกับผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Geophysical Research Letters เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งพบว่ามีการเพิ่มขึ้นของ CAT (Clear Air Turbulence) คือความปั่นป่วนในอากาศแจ่มใส ระหว่างปี 1979-2020 โดยมีความปั่นป่วน ‘รุนแรงหรือมากขึ้น’ ซึ่งเป็นประเภท CAT ที่แข็งแกร่งที่สุด เพิ่มขึ้น 55% บ่อยครั้งเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือในช่วงเวลาดังกล่าว

 

ทั้งนี้ CAT เป็นภาวะปั่นป่วนที่เกิดขึ้นโดยไม่มีสิ่งเตือนใดๆ ที่มองเห็นได้ ซึ่งตามปกติแล้วลักษณะเมฆบนท้องฟ้าจะช่วยส่งสัญญาณให้นักบินรู้ว่าบริเวณนั้นๆ จะมีสภาพอากาศปั่นป่วนอย่างไร ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงหรือบินผ่านเข้าไปในเมฆชนิดนั้น แต่ในกรณีของ CAT คือกรณีที่บินอยู่ในบริเวณที่ไม่มีก้อนเมฆปรากฏอยู่เลย แต่เครื่องบินได้รับการกระแทกหรือราวกับถูกจับโยน

 

บุตติเจจชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นและเพิ่มจำนวนความถี่มากขึ้น ทำให้ประเทศต่างๆ รวมถึงสหรัฐฯ จำเป็นต้องเร่งวางนโยบาย และพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้ทันกับการรับมือสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง

 

ความเห็นของบุตติเจจยังมีขึ้นหลังจากที่มีรายงานว่าหลายเที่ยวบินในสหรัฐฯ และทั่วโลก เผชิญกับความเสียหายรุนแรงจากการตกหลุมอากาศในปีนี้ โดยล่าสุดก็คือสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินระหว่างโดฮา-ดับลิน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (26 พฤษภาคม) ซึ่งทำให้มีผู้โดยสารบาดเจ็บทั้งหมด 12 ราย และสายการบิน Singapore Airlines ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บ 30 ราย เสียชีวิต 1 ราย

 

แม้จะมีโอกาสน้อยมากที่การตกหลุมอากาศอย่างรุนแรงระดับที่ Singapore Airlines ประสบ แต่บุตติเจจก็ชี้ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตระหนักว่าหลุมอากาศสามารถเกิดขึ้นได้ และบางครั้งก็อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ซึ่งขณะนี้มีระเบียบปฏิบัติและรูปแบบสำหรับสิ่งต่างๆ เช่น วิธีที่นักบินที่เผชิญกับความวุ่นวายสามารถแจ้งเตือนผู้ที่อาจเข้ามาในเส้นทางได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วเจ้าตัวกลับเห็นว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงระเบียบการประเมินใหม่ เนื่องจากความเป็นจริงของโลกในเวลานี้ก็คือหลุมอากาศเป็นสิ่งที่มีแนวโน้มว่าต้องเผชิญบ่อยขึ้น และต้องเผชิญในลักษณะที่รุนแรงกว่าเดิม ซึ่งหมายรวมถึงบรรดาสายการบิน ผู้ผลิตเครื่องบิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่จำเป็นต้องยกเครื่องมาตรการความปลอดภัยของตนเอง

 

ทั้งนี้มีรายงานว่า ทีมผู้บริหารของทาง Boeing บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติอเมริกัน มีกำหนดเข้าพบหารือกับ Federal Aviation Administration ในวันพฤหัสบดีนี้ (30 พฤษภาคม) เพื่อนำเสนอแผนการปรับปรุงการควบคุมคุณภาพ หลังเครื่องบิน Boeing ของทางสายการบินประสบปัญหาด้านความปลอดภัย จนทำให้มีการยื่นร้องเรียนมากมาย

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising