“เพื่อนเอ๋ย ลุกขึ้นมาเถอะผู้กล้า”
“แม้ต้องล้มลงอีกเท่าไร จะลุกขึ้นยืนแล้วก็สู้ใหม่ ประสบการณ์มันสอนว่าเราสู้ไหว ไม่มีอะไรต้องไปกลัว”
นับว่าเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่สมการรอคอยและทำให้แฟนคลับหายคิดถึง สำหรับ CLASH อีกหนึ่งวงร็อกระดับแถวหน้าของไทยที่เพิ่งปล่อยมิวสิกวิดีโอ ไม่มีอะไรต้องกลัว บทเพลงแรกจากสตูดิโออัลบั้มชุดล่าสุดอย่าง Loudness เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา
หลังจากที่ห่างหายจากการออกสตูดิโออัลบั้มมายาวนานถึง 10 ปี พร้อมกับชวน กอล์ฟ F.HERO มาร่วมเสริมพลังความดุเดือดในครั้งนี้
นักร้องนำอย่าง แบงค์-ปรีติ บารมีอนันต์ เป็นคนเขียนเนื้อเพลง ไม่มีอะไรต้องกลัว เพื่อมอบให้กับทุกคนที่จิตใจกำลังท้อถอยให้กลับมาลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เพราะทุกเส้นทางของชีวิตล้วนต้องพบเจอกับความล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ แต่มันจะเป็นบทเรียนชั้นดีที่จะทำให้เราเติบโตขึ้น ฉะนั้นไม่ว่าจะต้องล้มเหลวสักกี่ครั้งก็ ‘ไม่มีอะไรต้องกลัว’ ที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อทำตามความฝันให้สำเร็จ
สำหรับพาร์ตดนตรี ไม่มีอะไรต้องกลัว มาพร้อมกับแนวเพลงอิเล็กทรอนิกส์ร็อกที่ CLASH อยากจะนำเสนอกลิ่นอายใหม่ๆ ให้แฟนเพลงได้สัมผัส แต่ก็ยังคงดนตรีร็อกหนักๆ เอกลักษณ์ที่ฟังแค่ดนตรีก็รู้ว่าเป็นใครเอาไว้ และยังแอบสอดแทรกจังหวะสามช่าเอาไว้ในเพลงนี้เพื่อสร้างมิติใหม่ๆ อีกด้วย
เสริมความดุเดือดด้วยท่อนแรปจากกวีแห่งวงการอย่าง กอล์ฟ F.HERO ที่ร้อยเรียงทุกถ้อยคำและเชื่อมโยงเสียงสัมผัสออกมาได้อย่างไร้ที่ติเช่นเคย พร้อมด้วยบทกลอนที่แข็งกร้าวแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความหวัง เหมือนที่แบงค์ให้สัมภาษณ์ถึงกอล์ฟเอาไว้ว่า
“ตอนที่ทำเพลง พวกเราไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะฟีเจอริงกับใคร แต่ด้วยคอนเทนต์และเนื้อเพลงก็ทำให้นึกถึงกอล์ฟ เพราะชีวิตของเขาก็เคยฝ่าฟัน เคยลำบาก แต่ตอนนี้เขาก็ประสบความสำเร็จแล้ว
“และแรปที่มันมีความเป็นไทยจ๋าๆ ฟังชัดๆ สำนวนไทยเน้นๆ มันไม่ค่อยมีแล้ว ซึ่งกอล์ฟคือคนที่จะมาขยายความคอนเทนต์เพลงของเราได้ดีที่สุด พอเราส่งเพลงให้เขา แล้วเขาส่งกลับมาให้ฟัง มันใช่เลย”
โดยเฉพาะท่อนหนึ่งของกอล์ฟที่เรารู้สึกถึงคำว่า ‘ใช่เลย’ แบบที่แบงค์พูดได้ชัดเจนมากที่สุด เพราะฟังแล้วฮึกเหิมตามดนตรีที่เร่งเร้า แต่ก็เจ็บปวดและเศร้าเมื่อมองความเป็นจริง
ประโยคเพียงสั้นๆ ที่มาปิดท้ายบทเพลงว่า
“ไม่มีใครอยู่สูงกว่าเราทั้งนั้น มีแต่เราที่คุกเข่าให้เขาเอง”
สามารถรับชมมิวสิกวิดีโอ ไม่มีอะไรต้องกลัว ได้ที่
ยักษ์-อนันต์ ดาบเพ็ชรธิกรณ์ (กลอง) ได้เล่าถึงความโดดเด่นของอัลบั้มชุดใหม่เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า
“จุดเด่นของอัลบั้มนี้คือการผสมผสานความเป็นไทยสไตล์และการฟีเจอริงกับนักร้องต่างๆ ที่เราแทบจะไม่เคยฟีเจอริงกับใครเลย จะมีก็แค่เพลงบนคอนเสิร์ตใหญ่เท่านั้น ถ้าเป็นอัลบั้ม CLASH ไม่เคยทำมาก่อนครับ
“ผมว่าการที่มีคนมาฟีเจอริงกับเราบ้าง อย่างแรกคือมันจะเกิดความแตกต่างอย่างแน่นอน ทีนี้เราก็มาดูว่าพอมีการฟีเจอริงแล้วเขาจะเอาตัวตนของเขามารวมกับเอกลักษณ์ของ CLASH อย่างไร หรือบางเพลงเราก็พยายามเข้าไปสวมในเอกลักษณ์ของศิลปินที่มาฟีเจอริงกับเรา มันจึงเป็นมิติที่หลากหลายมากขึ้นครับ”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์