บมจ.ช.การช่าง ประกาศเตรียมออกขายหุ้นกู้ 4 ชุด อายุ 3-10 ปี ดอกเบี้ย 3-4.15% ต่อปี เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน เดือน พฤษภาคม 2566 หวังนำเงินคืนหนี้ รวมถึงรองรับการขยายธุรกิจ
ณัฐวุฒิ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ช.การช่าง หรือ CK เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด เสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนประชาชนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน ประกอบด้วย รุ่นอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3-3.30% ต่อปี และรุ่นอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นรุ่นที่ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4-4.15% ต่อปี โดยบริษัทฯ จะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนอีกครั้ง โดยมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน
สำหรับหุ้นกู้รุ่นอายุ 5 ปี และอายุ 7 ปี ซึ่งเป็นรุ่นที่ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน อยู่ระหว่างการพิจารณาอัตราดอกเบี้ย โดยจะแจ้งรายละเอียดให้ผู้ลงทุนได้รับทราบในภายหลัง และคาดว่าจะเสนอขายในระหว่างวันที่ 22-24 พฤษภาคม 2566 ผ่านสถาบันการเงิน 2 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทย
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้จะเพื่อชำระคืนหนี้ และ/หรือ เพื่อรองรับการลงทุนของโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ และ/หรือ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ที่ระดับ ‘A-’ แนวโน้ม ‘คงที่’ เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กร
ปัจจุบัน CK อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งยังไม่มีผลใช้บังคับ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากร่างหนังสือชี้ชวน
บมจ.ช.การช่าง หรือ CK ดำเนินธุรกิจการก่อสร้างทั้งระบบขนส่งมวลชน ท่าอากาศยาน ถนน ทางด่วน สะพาน พลังงาน ระบบน้ำและท่าเรือ และธุรกิจการพัฒนาโครงการสาธารณูปโภค ด้วยการเป็นผู้ลงทุนพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคด้านต่างๆ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นใน บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ หรือ BEM ประกอบธุรกิจก่อสร้างและบริหารทางพิเศษ
รวมถึงบริหารจัดการโครงการระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้า ในสัดส่วน 33.37%, บมจ.ทีทีดับบลิว หรือ TTW ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาและบริหารจัดการน้ำเสีย ในสัดส่วน 19.40% และถือหุ้นใน บมจ.ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP ผู้ประกอบธุรกิจหลักในการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ในสัดส่วน 30% (ข้อมูลโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565)
ขณะที่ในปี 2566 คาดว่าบริษัทจะสามารถลงนามในโครงการดังต่อไปนี้
- โรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มูลค่า 98,000 ล้านบาท
- งานซ่อมบำรุงรักษารถไฟฟ้าสายสีม่วง (ฉลองรัชธรรม) และสายสีน้ำเงิน (เฉลิมรัชมงคล) มูลค่า 1,630 ล้านบาท
- งานก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 118 สายเชียงใหม่-เชียงราย ตอน 3 มูลค่า 800 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อรวมกับปริมาณงานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 2565 ที่มี 55,867 ล้านบาท จะทำให้ Backlog ณ ช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เร่งตัวทะลุกว่า 150,000 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก มูลค่า 109,216 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามสัญญาได้ปลายปี 2566 โดยบริษัทจะมีกำไรขั้นต้นประมาณ 7-8% ซึ่งจะสามารถสร้างผลประกอบการที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เปิดสาเหตุที่ทำให้ ‘หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์’ สร้างความปั่นป่วนแก่ตลาดตราสารหนี้ในขณะนี้
- เปิดชื่อ ‘10 หุ้นฮอต’ ต่างชาติแห่ซื้อสุทธิมากสุดในรอบ 6 วันทำการ มูลค่ารวมกว่า 1.25 หมื่นล้านบาท
- 10 อันดับ หุ้นกลุ่มพลังงาน ขวัญใจนักลงทุน ราคาวิ่งแรงที่สุดรอบครึ่งปี 2565