วันนี้ (23 พฤศจิกายน) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ป.ป.ช.) ของสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เพื่อขอให้สอบสวนเส้นทางการเงิน สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล จากที่เห็นอยู่บ้านราคาแพง ลูกและภรรยามีรถหรู มีการใช้จ่ายเงินทั้งๆ ที่ถูกไล่ออกจากราชการ โดยอ้างว่าทำงานต่างประเทศ ไม่ทราบว่าอยู่บริษัทอะไร เสียภาษีหรือไม่
ชูวิทย์กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ตนได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนายทุนจีนสีเทา ซึ่งถือว่าตอนนี้เป็นวาระแห่งชาติ จนวันนี้มีการออกหมายจับ ‘หาวเจ๋อตู้’ ถือว่าตนหมดภาระหน้าที่แล้ว และยินดีมอบข้อมูลต่างๆ ที่แสดงถึงทรัพย์สินของกลุ่มทุนจีนสีเทานี้ให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ไปทำตามหน้าที่ต่อ แต่ภายหลังจากที่ตนเผยเผยข้อมูลได้ไม่นาน ก็มีสันธนะ ที่ตนมองว่าเป็นบุคคลอันตรายต่อสังคม โดยใช้สื่อตีมูลค่าตนเอง เข้ามาที่โรงแรมของตนและป้ายสีว่ามีการมั่วสุมเสพยา มีการอ้างเรื่องอาบอบนวดที่ตนขายไปเมื่อหลายปีก่อน วันนี้ตนจึงยื่น กมธ.ป.ป.ช. และเชื่อว่าการทำหน้าที่ของ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ จะมีความตรงไปตรงมา ชัดเจน
ชูวิทย์ยังมอบเอกสารหลักฐาน สาเหตุที่ราชการปลดสันธนะออกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งสันธนะได้ขออุทธรณ์ แต่ฟังไม่ขึ้น จึงมีคำสั่งใหม่ให้ไล่ออกจากราชการเป็นการถูกต้องเหมาะสมแล้ว จากนั้นมีการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และถอดยศทั้งหมด เมื่อปี 2561 เหตุผลเพราะเข้าไปแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่ดอนเมือง โดยหลังจากนี้ตนยินดีที่ให้เข้ามาให้ข้อมูลกับ กมธ.ป.ป.ช. ทั้งในกรณีที่ตนมายื่น หรือกรณีที่สันธนะจะมายื่นให้สอบตนก็ตาม
ทั้งนี้ ชูวิทย์ได้กล่าวถึงสันธนะว่า ก่อนที่จะไปตรวจสอบคนอื่น ก็ต้องดูเบื้องหลังของตนเองก่อน เพราะเวลาพูดแล้วยังกั๊กให้ไปตีความกันเอง หมดยุคมาเฟีย ทำท่ากร่าง ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีหน้าที่ตรวจสอบใคร เพราะถูกไล่ออกจากราชการ แสดงท่าทีบุคลิกที่เป็นอันตรายต่อสังคมอย่างยิ่ง ส่วนตนเป็นลูกผู้ชาย การต่อสู้ของตนไม่จำเป็นต้องอยู่ในสภาเหมือนในอดีต ตนก็ต่อสู้ได้ จนวันนี้มีการออกหมายจับนายทุนจีนสีเทา สิ่งที่ตนพูดถือเป็นประโยชน์ เมื่อมีคนมาขัดขวางมาป้ายสี ตนจำเป็นที่จะต้องปกป้องตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ทราบข่าวว่าวันนี้สันธนะจะเดินทางมายื่นหนังสือที่นี่ ตนก็จะรอ สังเกตมาหลายครั้งแล้วเมื่อตนไปที่ใดสันธนะจะตามมาทีหลังเสมอ ตนจึงมีของมาฝากคือ เกมแกะน้ำตาล ที่เป็นเกมส์ในซีรีส์เรื่อง Squid Game ไปให้เล่น เพราะชีวิตสันธนะอยู่บนเส้นด้ายแล้ว อีกทั้งสันธนะไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีขององค์กรเก่า พฤติกรรมแบบนี้ตำรวจด้วยกันก็ไม่เอาด้วย ตนไม่ได้อาศัยสภาแห่งนี้มาพูดถึงพฤติกรรมของสันธนะ แต่ตนพูดถึงข้อเท็จจริง
ด้าน พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ชูวิทย์ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ การเปิดอาบอบนวดก็ไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่อาจจะผิดตรงที่เปิดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ยอมรับชูวิทย์เป็นคนแน่ที่จะกล้าพบกับสันธนะเพื่อพิสูจน์ความจริง ถ้ามาสร้างปัญหาเมื่อไร ภายในสภาก็เป็นหน้าที่ของตำรวจสภาในการดูแลความเรียบร้อยและส่งมอบให้ตำรวจในท้องที่ดำเนินการต่อ ซึ่งตนได้สั่งการไว้แล้ว ทั้งนี้ มองว่าในต่างประเทศประชาชนกล้าที่จะพูดความจริงเมื่อเจอการกระทำความผิด แต่ประเทศไทยมีแต่ไม่อยากยุ่ง กลัวเกิดปัญหา กลัวทำให้บ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย ดังนั้นการที่มีคนมาแจ้งเบาะแสเป็นเรื่องที่ดีและอยากให้ไทยก้าวไปสู่จุดนั้นได้ เรื่องทุนจีน ถ้าชูวิทย์ไม่ออกมาพูด ตำรวจอาจจะไม่ทราบเรื่องกังกล่าวด้วยซ้ำ ตนในฐานะอดีตตำรวจต้องขอบคุณชูวิทย์ และขอให้ประชาชนเลิกกลัวการพูดความจริง
ช่วงหนึ่งชูวิทย์ได้เปิดหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ถึงเที่ยวบินที่เดินทางไปจังหวัดร้อยเอ็ด ต่อหน้าสื่อ พร้อมอ่านเอกสารว่า เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2565 เรียน ผู้อำนวยการท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ขออนุมัติเที่ยวบินส่วนบุคคล บินขึ้น-ลง และจอดพัก ณ ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด ซึ่งมี ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า เดินทางไปกับเที่ยวบินนี้
“ผมเรียนให้ทราบว่า ผมกับ ร.อ. ธรรมนัส ไม่มีอะไรกัน ท่านกับผมไม่มีอะไรบาดหมางกัน ผมไม่เคยเอ่ยถึงท่าน ผมไม่มีอะไรพาดพิงท่าน ผมไม่ทราบ พูดต่อหน้าคุณว่าตู้ห่าวไปเกี่ยวข้อง แต่สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เป็นคนพูดเองว่า ร.อ. ธรรมนัส ฝากสันธนะพูดผ่านรายการทีวีช่องหนึ่งว่า ร.อ. ธรรมนัส ฝากผมดูแลกลุ่มทุนเหล่านี้ นั่นคือจุดเกิดเหตุ” ชูวิทย์กล่าว
ในเวลาต่อมา สันธนะได้เดินทางมายังอาคารรัฐสภา นำชาวบ้านย่านพระโขนงที่ถูกดำเนินคดีบุกรุก กรณีข้อพิพาทที่ดิน มาร้องเรียนต่อ กมธ.ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร โดยมี สุทา ประทีบ ณ ถลาง รองประธาน กมธ.ป.ป.ช. เป็นผู้รับหนังสือ
ก่อนที่สันธนะจะเดินทางมาถึงบริเวณจุดยื่นหนังสืออาคารรัฐสภา ชูวิทย์เดินทางมารออยู่ก่อนแล้ว หลังยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินของสันธนะเสร็จสิ้น
ทันทีที่สันธนะปรากฏตัว ชูวิทย์ได้ตะโกนถามว่า “ใส่กระโปรงมาหรือเปล่า ให้ถอดมาเลย จะเดินหนีทำไม ชอบตีกินไปเรื่อย เก่งทุกอย่าง รู้ทุกเรื่อง และขอให้สันธนะเดินเข้ามาหาตนเอง สัญญาต่อหน้าตำรวจว่าไม่ทำอะไร ไม่ต้องกลัว ทำต่อหน้าดีกว่า อย่าเก่งลับหลัง” แต่สันธนะไม่ได้เดินเข้าไปหาชูวิทย์ เพียงยืนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนห่างกันในระยะ 10 เมตรเท่านั้น ท่ามกลางตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาล (สน.) บางโพ และตำรวจประจำรัฐสภา ยืนกั้นกลางเพื่อป้องกันการเผชิญหน้า
จากนั้นสันธนะได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันไม่ได้ตั้งใจตามชูวิทย์มาที่อาคารรัฐสภาเพื่อยั่วยุ แต่มีนัดหมายล่วงหน้าอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวเชื่อว่าชูวิทย์ก็ทราบว่าการเดินทางมาที่รัฐสภา เจ้าหน้าที่ไม่ปล่อยให้เกิดการปะทะกันอยู่แล้ว
“ตนให้เกียรติเจ้าหน้าที่ที่ใส่เครื่องแบบมา และนี่คือรัฐสภา ผมให้เกียรติสถานที่ มันคงเกิดการเผชิญหน้าไม่ได้ ถ้าอยากเจอคงไม่ต้องมาเจอที่นี่ ตรงไหนมันแอบเจอกันได้ และหากวันไหนเกิดเหตุอะไรกับเขาขึ้น ไม่ใช่ตน เพราะมีคนไม่พอใจเขาแทนผม” สันธนะระบุ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนการมายื่นหนังสือในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่ความตั้งใจใช่หรือไม่ สันธนะกล่าวว่า เรื่องเวลาสามารถคาดเคลื่อนได้จากปัญหาการจราจร และที่มาเวลาใกล้เคียงกันเป็นเรื่องบังเอิญ พร้อมทำเสียงสูง
สันธนะยังกล่าวถึงการยื่นฟ้องชูวิทย์ว่า หลักฐานของชูวิทย์ไม่มีอะไร มีเพียงคำให้สัมภาษณ์กับสื่อ ต้องเข้าใจด้วยว่าตนเองทำงานมาก่อน ไม่ได้ใช้ปากอย่างเดียว
“เห่าก็เห่าไป การทำงานถ้าเราฟังแต่เสียงข้างถนน เห่าไปเห่ามา ไม่นานก็คงไม่สำเร็จ ดังนั้นตนไม่ได้ใส่ใจ ขอสังคมอย่ากังวล” สันธนะกล่าว
สันธนะยังกล่าวถึงกรณีที่ชูวิทย์เปิดชื่อของ ร.อ. ธรรมนัส อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รู้จักกับ ตู้ห่าว นายทุนชาวจีน ว่าก็ดี ให้เขาเปิดเลย เขาจะได้รับผิดชอบ แต่ส่วนตัวต้องมีหลักฐานที่เป็นเอกสารราชการ และตนเชื่อว่า ร.อ. ธรรมนัส กับตู้ห่าว รู้จักกัน พูดคุยกัน อยู่ในระดับพูดคุยกันได้
ส่วนจะพากันไปพบกับคนที่ชอบสะสมนาฬิกาหรือไม่ ตนคงตอบไม่ได้เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยอมรับว่าตนเองกับ ร.อ. ธรรมนัส รู้จักกันตั้งแต่เป็นยศ ร.ท. ทั้งนี้ยืนยันว่าตนเอง ตู้ห่าว และ ร.อ. ธรรมนัส ไม่เคยเจอหน้าพร้อมกัน 3 คน
สันธนะกล่าวอีกว่า ตนเองพร้อมที่จะเข้าชี้แจงต่อ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เพราะเตรียมหลักฐานมาพร้อมแล้ว อยากจะพิสูจน์อะไรก็ทำได้ “เสื้อผมก็ถอดได้ กางเกงผมก็ถอดให้คุณดู” อีกทั้งทุกอย่างที่ชูวิทย์กล่าวหาเป็นเรื่องส่วนตัวทั้งหมด สามารถพิสูจน์ได้ว่าใช่หรือไม่ใช่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชูวิทย์ได้ยืนรอสันธนะประมาณ 40 นาที ก่อนเดินทางกลับ โดยไม่มีเหตุความรุนแรง
ก่อนกลับชูวิทย์ได้แตะบ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและกล่าวชื่นชมที่มาดูแลรักษาความปลอดภัย ตนขอบใจมาก วันนี้คงไม่ต้องบอกว่าตนเป็นคนดีหรือใครเป็นคนเลว ขอให้คุณดูเอาแล้วกัน อย่างน้อยสังคมบ้าแบบนี้ ต้องมีคนที่พูดความจริง เอาเรื่องจริงมาพูด ไม่อย่างนั้นสังคมนี้จะอยู่ไม่ได้ คนแบบนี้ต้องจัดการ “พวกคุณจำไว้ว่าคุณมาช่วยผม ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำอะไรหรอก”