วันนี้ (7 เมษายน) ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ จัดกิจกรรมรณรงค์สะท้อนให้เห็นถึงโทษของการใช้กัญชา ภายหลังศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว กรณี พรรคภูมิใจไทยยื่นคำร้องขอให้ศาลคุ้มครองไม่ให้ชูวิทย์กล่าวถึงนโยบายกัญชาเสรีของพรรค
โดยชูวิทย์ได้เดินทางมาจากศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ด้วยรถจักรยานยนต์ เพื่อมาที่บริเวณจุดปราศรัย มีการนำป้ายที่ระบุข้อความต่อต้านการใช้กัญชาและโทษของกัญชามาติดไว้ โดยมีประชาชนบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิมายืนรอให้ความสนใจ
ชูวิทย์กล่าวว่า หลังศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว เปรียบเสมือนชัยชนะของประชาชน จากนี้ตนจะเดินหน้ารณรงค์ต่อต้านนโยบายกัญชาเสรีต่อทันที เพราะเห็นว่าพรรคภูมิใจไทยเปรียบเหมือนผู้นำยาเสพติดเข้าสู่สังคมไทย รวมถึงก่อนหน้านี้ที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แต่กลับออกกฎหมายให้กัญชาถูกกฎหมาย และไม่มีกฎหมายเพื่อควบคุมการใช้
ทำให้เฉพาะในกรุงเทพมหานครมีร้านขายกัญชามากกว่า 3,000 ร้าน บางร้านเปิดขาย 24 ชั่วโมง ซึ่งต่างจากการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีเวลากำกับไว้ชัดเจน ทำให้มีเด็กและเยาวชนเข้าถึงกัญชามากขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ระหว่างการปราศรัย มีหญิงรายหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากคนในครอบครัวที่เสพติดกัญชา ได้นำป้ายข้อความมามอบให้ชูวิทย์ ซึ่งชูวิทย์ระบุว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายกัญชาเสรี ยังมีอีกจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ และยังมีผู้ที่มาร้องเรียนกับตนทั้งช่องทางออนไลน์และตามจุดปราศรัย
ชูวิทย์กล่าวยืนยันว่า การออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์ต่อต้านนโยบายกัญชาไม่มีบุคคลใดอยู่เบื้องหลัง เป็นการทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและต่อสู้เรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
แม้ระยะเวลาที่ผ่านมาจะมีบุคคลหยิบยกเอาประเด็นอื่นของตนมาพูดถึง เพื่อเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น เช่น กรณีสวนชูวิทย์ และการรับเงินจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ แต่ทุกเรื่องตนก็สามารถพิสูจน์ตัวเองมาได้ทั้งหมด
“การที่ผมออกมาเคลื่อนไหวในช่วงใกล้เลือกตั้ง เพราะเห็นว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะให้ประชาชนตัดสินใจได้ว่า ควรเลือกพรรคภูมิใจไทยเป็นผู้แทนราษฎรอีกหรือไม่” ชูวิทย์กล่าวในที่สุด