วันนี้ (20 สิงหาคม) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงข่าวเกี่ยวกับการกลับมาของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า มีเงื่อนงำเชื่อมโยงกับดีลที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ เศรษฐา ทวีสิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ชูวิทย์กล่าวว่า การแถลงข่าววันนี้ถือเป็นน้ำจิ้ม และจะให้โอกาสเศรษฐาถอนตัวจากการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในวันอังคารนี้ เพราะถ้ายังดึงดันในวันพรุ่งนี้จะแถลงข่าวตอกฝาโลงเป็นครั้งสุดท้าย โดยกล่าวหาอ้างว่าพฤติการณ์พยายามแยกผู้ขายและผู้ซื้อออกจากกัน ซึ่งพฤติการณ์ทั้งหมดนี้เกิดจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังทั้งสิ้น พร้อมระบุว่าวันพรุ่งนี้จะนำโฉนดที่ดินมาให้เศรษฐาดูว่าที่ดินของตนเองไม่มีหนี้แม้แต่บาทเดียว และยังติดสัญญาที่ทำไว้กับคนอื่นอยู่ เพราะฉะนั้นการที่มาหาว่าตนเองโกรธเพราะเศรษฐาไม่ยอมซื้อที่ดินดังกล่าว ถือเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น
ชูวิทย์กล่าวถึงการเดินทางกลับประเทศไทยของทักษิณ ชินวัตร จะเป็นวันอังคารตามกำหนดเดิมหรือไม่นั้น ทุกอย่างขึ้นอยู่กับวันพรุ่งนี้ และตอนนี้ทักษิณเดินทางมารออยู่ที่สิงคโปร์แล้ว ซึ่งการแฉในครั้งนี้ ตนเองตรวจสอบข้อมูลและพิสูจน์ข้อมูลต่างๆ จนพบว่ามีการย้ายเงินออกไปที่ต่างประเทศด้วย
ส่วนที่เศรษฐาแก้ตัวกรณี สมศักดิ์ ซึ่งเป็น รปภ. ว่าไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น เพราะสมศักดิ์มีอำนาจในการลงนามเอกสารของบริษัท N (เอ็น แอนด์ เอ็น) และสมศักดิ์ก็ไปขอ EIA (รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมซึ่งทุกคอนโดมิเนียมต้องขอ)
จากนั้นได้แสดงเอกสารให้สื่อมวลชนดูว่ามีสมศักดิ์เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัท อ. (อ่อนนุชพร็อพเพอร์ตี้ หรืออ่อนนุช แลนด์) ซึ่งบริษัทนี้เป็นเจ้าของถนนทั้งหมดในโครงการของอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง หมายความว่าสมศักดิ์เป็นนอมินีของเศรษฐาจริง และยังเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทนี้อีก 1 หุ้น
ที่ดินดังกล่าวและถนนในโครงการในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เดิมเป็นของเจ้าของท่านหนึ่ง (สุระ จันทร์ศรีชวาลา) ต่อมาขายให้กับบริษัท ม. (เมจิก โมเดิร์น) ในราคา 800 ล้านบาท แต่บริษัท ม. ไปกู้เงินมาได้ทั้งหมด 2,000 ล้านบาท แต่ไม่เคยชำระหนี้เลย หลังจากนั้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไปทยอยซื้อที่ดินต่อในราคาตารางวาละ 350,000 บาท รวม 3,500 ล้านบาท จากราคา 800 ล้านบาท หมายความว่าทั้งหมดเป็นการวางแผนเพื่อนำเงินส่วนต่างเข้ากระเป๋าของตัวเอง
หลักฐานคืองบดุลของบัญชีบริษัท ม. ที่แสดงกำไร 2,000 ล้านบาท และไม่ส่งงบดุลมาเป็นระยะเวลานานจนทำให้กลายเป็นบริษัทร้าง นั่นหมายความว่าเศรษฐาพยายามจงใจให้มีบริษัทนอมินีขึ้นมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว โดยวันพรุ่งนี้จะออกมาพูดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูล โดยจะเป็นตอนสุดท้ายในชื่อตอนว่า ตอกฝาโลง โดยจะมีหลักฐานเด็ดเกี่ยวกับการนำเงินออกนอกประเทศ
ชูวิทย์ยังกล่าวอีกว่า มีการควักเงินกว่า 20,000 บาท ส่งเอกสารหลักฐานทั้งหมดทางไปรษณีย์แบบ EMS ไปให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) 500 คน และสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ทั้งหมด 750 คน ในการตรวจสอบ โดยหลักฐานทั้งหมดจะถึงมือทุกคนวันที่ 21 สิงหาคม 2566 เพื่อให้ใช้พิจารณาการโหวตเลือกนายกฯ ส่วนตัวไม่ได้สนใจว่าการส่งเอกสารทั้งหมดนี้ไป สส. จะอ่านหรือไม่ แต่เมื่อการโหวตนายกฯ เริ่มขึ้น และมีบุคคลที่โหวตให้เศรษฐาเป็นนายกฯ จริง นั่นหมายความว่าเมื่อเรื่องทั้งหมดถูกเปิดโปง สส. ที่โหวตก็จะมีส่วนผิดด้วย ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่พูดมามีเหตุผลเดียวเท่านั้นคือมองว่าเศรษฐาไม่เหมาะกับตำแหน่งนายกฯ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมทักษิณ ชินวัตร จะต้องกลับมาประเทศไทยวันที่ 22 สิงหาคมนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนดีลลับหรือไม่ ชูวิทย์กล่าวว่า กลับช้าสักวันไม่ได้เหรอ แสดงว่ามันเกี่ยวข้องกับการโหวตนายกฯ แน่นอน ดังนั้นการที่ทักษิณผูกโยงกับเรื่องของการโหวตนายกฯ หมายความว่าต้องมีเรื่องของการแลกเปลี่ยน ส่วนตัวเชื่อว่าทักษิณยังลังเล เปลี่ยนใจอยู่ทุกวินาที แม้ว่าจะมีการเตรียมความพร้อมด้วยการเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าไว้แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เศรษฐาไม่ห่วง และมั่นใจว่าได้รับการโหวตนายกฯ แน่นอนนั้น ชูวิทย์กล่าวว่า ถ้าไม่ห่วงแล้วจะมาแถลงข่าวทำไม ก่อนจะบอกว่า เศรษฐาไม่ใช่นักการเมือง ไม่ใช่ สส. หากสังเกตดูว่ามีใครช่วยเศรษฐา เพราะปกติทางการเมืองมันก็จะมีลิ่วล้อออกมาตอบโต้ แต่นี่ไม่มี แสดงว่าโดดเดี่ยว
ทั้งนี้ มั่นใจว่าวันอังคารก็ตกอยู่แล้ว แต่ตนให้เศรษฐาลงดีๆ ถ้าให้ตนพูดต่อ ตายแน่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวลือว่า เมื่อทักษิณเดินทางกลับมา จะมีการอ้างเรื่องป่วยที่ดวงตานั้น ชูวิทย์กล่าวว่า มีการเตรียมสถานที่รองรับไว้ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลตำรวจ และโรงเรียนพลตำรวจนครบาลบางเขน โดยมีการเก็บกวาดจัดเตรียมไว้
โดยในวันพรุ่งนี้เวลา 13.00 น. จะแถลงข่าว EP.3 ‘ตอกฝาโลง’ พฤติกรรมนิติกรรมอำพรางของว่าที่นายกฯ ตัวสูงๆ นอมินีของใคร? ซื้อที่ราคาสมเหตุสมผลหรือไม่? เปิดตัวนายขงเบ้ง ผู้มีอุปการคุณของว่าที่นายกฯ ตัวสูงๆ