ก่อนหน้านี้สำนักงานอัยการสูงสุด ได้แถลงความคืบหน้าดำเนินคดีกลุ่มทุนจีนสีเทา และ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ว่าได้ขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อออกหมายจับกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องจำนวน 25 หมาย โดยจับกุมได้แล้ว 17 หมาย
ในเวลาต่อมาได้ขออนุมัติศาลอาญากรุงเทพใต้ ออกหมายจับเพิ่มเติมจำนวน 12 หมาย โดยจับกุมได้แล้ว 2 ราย ในฐานความผิดทั้งที่เกี่ยวกับการสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด สมคบกันกระทำในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และการสมคบตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อฟอกเงิน
เรื่องราวของกลุ่มทุนจีนสีเทา รวมถึงหัวหน้าขบวนการอย่างตู้ห่าว ถูกเปิดเผยและเปิดโปงขบวนการชนิดเกาะติดไม่ปล่อยรายวันจาก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โดยล่าสุดได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลถึงขบวนการที่อาจมีความเกี่ยวโยงกับหลาน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีหรือไม่
ชูวิทย์ระบุวานนี้ (8 มกราคม) ว่า มิน่าเล่า ถึงไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินตู้ห่าว ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมถึงไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวเสียที
“เมื่อผมติดตามคดีนี้มาตลอด พบว่าการเรียกร้องให้ตั้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวเป็นไปด้วยความชักช้า ส่วนการตั้งข้อหาเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2565 เป็นแค่บรรดาลูกน้องคนสนิท แต่ยังไม่ได้รวมนายตู้ห่าวตัวการ” ชูวิทย์กล่าว
ชูวิทย์ระบุต่อไปว่า ชักสงสัย เรื่องนี้เริ่มปรากฏ ตนเองเอะใจขึ้นเมื่อมีตัวละครเพิ่มเป็น ‘หลานนายกฯ ประยุทธ์’ ในนาม ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ที่เป็นเสมือนนอมินีของตู้ห่าว
ในการถือครองรถทัวร์จำนวน 50 คัน โดยเป็นรถทัวร์ยี่ห้อซันลอง ที่ไฟแนนซ์ไว้กับ บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) และนำไปให้ บริษัท เอ็มแอนด์เอ็ม ทรานสปอร์ต เซอร์วิส จำกัด ของตู้ห่าวเช่าช่วงต่ออีกทอดหนึ่ง ราคารถคันละ 3.5 ล้าน รวม 50 คัน เท่ากับ 175 ล้าน ทุกคันตู้ห่าวจ่ายเงินดาวน์คันละ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 25 ล้านบาท และจ่ายเงินค่าเช่าช่วง หรือก็คือ เงินผ่อน+กำไร ให้กับ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น บริษัท ซันลอง ของจีน เคยมีปัญหาเรื่องซิกแซ็กภาษีนำเข้ารถเมล์ ขสมก. ว่าผลิตจากจีนทำไมเอามาเข้าทางมาเลเซีย ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ได้ประโยชน์ไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้า เนื่องจากไทย-มาเลเซีย มีสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีประเทศอาเซียน
“หากตั้งข้อหาฟอกเงินตู้ห่าว ทำให้ต้องเรียกหลานนายกฯ ประยุทธ์มาสอบด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องฟอกเงิน แต่ตำรวจและอัยการจะกล้าเรียกหรือ ผมว่าแม้แต่ ผบ.ตร. และ อสส. ก็คงไม่กล้า ทั้งที่เรื่องฟอกเงินเมื่อพันไปถึงใครก็ต้องออกหมายเรียกมาสอบตามขั้นตอนปกติ แต่ที่ไม่ปกติเนื่องจากเป็นถึงหลานนายกฯ และยังไม่ยอมตั้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวเสียที ผมเพิ่งถึงบางอ้อนี่เองว่า ที่แท้ก็เป็นเพราะหลานนายกฯ ปรากฏชื่อเป็นเจ้าของรถทัวร์ที่นายตู้ห่าวใช้รับทัวร์จีนศูนย์เหรียญ ที่ ป.ป.ส. ยึดรถทัวร์มาแล้ว จำนวน 297 คัน เป็นของ บริษัท โมเดิร์น เจมส์ จำกัด กับ บริษัท โมเดิร์น ลาเท็กซ์ จำกัด ที่เป็นของตู้ห่าวโดยตรง ส่วนของ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ที่เป็นของหลานนายกฯ อันตรธานหายไปไหนก็ไม่รู้ แม้แต่ ป.ป.ส. ก็ไม่ทราบ” ชูวิทย์กล่าว
ชูวิทย์ระบุอีกว่า ตนเพิ่งเข้าใจว่าทำไมคดีใหญ่แบบนี้ กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำสูงสุดของประเทศถึงเงียบสนิท ไม่ออกมาพูดอะไรสักแอะ ได้แต่แสดงท่าทีฉุนเฉียว แล้วให้รัฐมนตรีส้มหล่นอย่างธนกรมาพูดออกหน้าแทน แต่คงไม่รู้อะไรมาก เลยพูดเอาใจนายถึงขนาดบอกว่า “นายกฯ ประยุทธ์ เป็นคนสั่งการเรื่องจัดการจีนเทากับ ผบ.ตร. เป็นคนแรก” เอาละ จะคนแรกคนหลังไม่ได้สำคัญแล้วละครับท่านรัฐมนตรีมือใหม่ ที่สำคัญตอนนี้คือ นายกฯ ควรสั่งการให้ไปสอบหลานตัวเองด้วยว่า ไปเกี่ยวพันกับนายตู้ห่าวได้อย่างไร
“เป็นเรื่องจริงที่ท่านต้องพูดเอง หรือจะพูดตอนแสดงวิสัยทัศน์ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติในงาน ‘รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ’ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันพรุ่งนี้ก็ได้ จะถือเป็นเรื่องที่ดีมาก และจะมีคนสนับสนุนท่านอีกล้นหลาม” ชูวิทย์ระบุทิ้งท้าย
อ้างอิง: