วันนี้ (12 เมษายน) ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ – Chutiphong Pipoppinyo’ เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามปัญหาของบริษัทผลิตเหล็กเส้นของบริษัท ‘ซิน เคอ หยวน’ ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่มีรายงานการร้องเรียนเรื่องมลพิษและความไม่ปลอดภัยในการดำเนินงาน
โดยระบุว่า เรื่องนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2566 ซึ่งได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการหลอมเหล็กที่ก่อให้เกิดมลพิษ และนำเรื่องเข้าสู่การหารือในสภาครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2566 แต่ไม่มีความคืบหน้า
ภายหลังการตั้งกระทู้ถามในสภาและไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน จึงใช้กลไกของคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมติดตามข้อมูลเพิ่มเติม โดยพบว่ามีเหตุเครนถล่มและไฟไหม้ในสองสาขาของโรงงานซ้ำซาก และยังมีการจ้างงานผิดกฎหมาย รวมถึงผลิตเหล็กตกมาตรฐาน ส่งผลให้เกิดความไม่ปลอดภัยภายในโรงงานอย่างต่อเนื่อง
หลังการประชุมของคณะกรรมาธิการเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 ซึ่งพบข้อมูลผิดปกติหลายประการ เรื่องจึงถูกส่งต่อถึงรัฐมนตรีและมีคำสั่งระงับการดำเนินกิจการชั่วคราว พร้อมยึดเหล็กบางส่วนไว้เป็นของกลาง
ต่อมา เมื่อเกิดเหตุอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม และมีการตรวจพบเหล็กยี่ห้อ SKY จากโรงงานดังกล่าวในโครงสร้างอาคาร ตนเองได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานเมื่อวันที่ 31 มีนาคม และพบการขนย้ายฝุ่นแดงออกจากโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นในวันที่ 2 เมษายน รัฐมนตรีได้ส่งทีมเข้าตรวจสอบและพบการลักลอบเก็บฝุ่นแดงเพิ่มเติม นำไปสู่การเสนอให้ถอนสิทธิประโยชน์ BOI ของโรงงานเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ BOI
ชุติพงศ์เผยว่า ได้อภิปรายในสภาเมื่อวันที่ 9 เมษายน โดยใช้กรณีของซิน เคอ หยวน เป็นตัวอย่างในการเรียกร้องให้มีการทบทวนนโยบายการเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องนี้ก่อนการเจรจาเรื่องกำแพงภาษี
ผลจากการประชุมคณะกรรมการ BOI เมื่อวันที่ 11 เมษายน ได้ข้อสรุปว่ามีการเพิกถอนสิทธิประโยชน์ BOI ของซิน เคอ หยวน เป็นการชั่วคราว ชุติพงศ์กล่าวขอบคุณรัฐมนตรีและกรรมการทุกฝ่ายที่เห็นความสำคัญของปัญหานี้ พร้อมย้ำว่ายังต้องรอการตัดสินใจของรัฐมนตรีเอกณัฐว่าโรงงานจะได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง หรือจะถูกสั่งปิดถาวร
ท้ายที่สุด ชุติพงศ์ยืนยันว่า “เรื่องซิน เคอ หยวน แม้จะคืบหน้า แต่ว่า ‘ยังไม่จบนะครับ’” โดยเฉพาะโรงงานอีกสาขาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ปลวกแดง ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าเดิม และยังคงมีการก่อสร้างต่อแม้จะถูกสั่งระงับ โดยเมื่อวันที่ 7 เมษายน พบว่าการก่อสร้างดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งต้องให้หน่วยงานท้องถิ่นและจังหวัดเข้าตรวจสอบอย่างเร่งด่วน และหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะต้องมีผู้รับผิดชอบตามกฎหมาย
อ้างอิง: