วันนี้ (31 ตุลาคม) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยได้คะแนน 354 คะแนน จากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งหมด 369 คน และมีคนไม่ประสงค์ลงคะแนน 15 คน
มี ประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นเลขาธิการพรรค ขณะที่ โฆษกพรรคคือ ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ซึ่งภายหลังทราบผล แพทองธาร ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรค ได้มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีให้กับ จุลพันธ์ และประเสริฐ จากนั้น กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้ขึ้นเวทีเพื่อร่วมถ่ายภาพ
จุลพันธ์ได้แสดงวิสัยทัศน์หลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคช่วงหนึ่งว่า ขอบคุณสมาชิกที่ไว้วางใจให้คณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาขับเคลื่อนพรรค ตนอยู่กับพรรคนี้มาตั้งแต่ไทยรักไทยกว่า 25 ปี
“เรามีความทรงจำมากมายที่ผ่านมาด้วยกัน ทั้งความสำเร็จ ทั้งอุปสรรค ไม่ใช่ถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน เราผ่านการต่อสู้ทางการเมืองทุกรูปแบบ ทั้งบนถนน ทั้งในสภา แต่เรายังคงอยู่มาได้ เราผ่านการปฏิวัติรัฐประหาร เราผ่านการตัดสิทธิ์ผู้บริหารพรรค นายกรัฐมนตรีโดนถอดถอนหลายครั้ง เขาพยายามปิดปากพวกเรา แต่พวกเรายังคงอยู่ เรายังคงสู้ วันนี้เป็นอีกวันในการส่งไม้ต่อในการเดินหน้าพรรคการเมืองเดินหน้านโยบายเพื่อประโยชน์ของประชาชน” จุลพันธ์กล่าว
จุลพันธ์ยอมรับว่า สัญญาณจากประชาชนและสื่อมวลชนเรียกร้องให้พรรคต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการยกเครื่องพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นต้องเดิน โดยจากนี้พรรคจะปรับปรุงการสื่อสารกับประชาชนให้รวดเร็วทันท่วงที คัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณภาพ และย้อนกลับไปทำนโยบายที่โดนใจตอบโจทย์พี่น้องประชาชน
จุลพันธ์กล่าวด้วยว่า จิตวิญญาณที่ว่า หัวใจคือประชาชนยังคงอยู่กับคณะกรรมการชุดนี้ทุกคน พร้อมขอให้สมาชิกพรรคเชื่อมั่น และเชื่อว่ามีพี่น้องประชาชนอีก 10 ล้านคน ที่จะคอยเป็นกำลังผลักดันให้กับพรรคเพื่อไทย และพร้อมจะนำพาพรรคสู่ชัยชนะและเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งถัดไปให้ได้
จุลพันธ์ยังให้สัมภาษณ์ระบุว่า มั่นใจว่าจะสามารถนำพรรคคว้า 200 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ เชื่อว่าประชาชนยังคงให้การต้อนรับพรรคอย่างดี และพรรคกำลังอยู่ระหว่างการยกเครื่อง ทั้งการคัดเลือกผู้สมัคร กลไกการสื่อสาร และนโยบาย เพื่อสร้างความไว้วางใจกลับคืนมา
ส่วนนโยบายที่ทำไม่สำเร็จในรัฐบาลที่แล้วอย่างโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว และพรรคได้พยายามทำแล้วครึ่งหนึ่งสำหรับกลุ่มเปราะบางก่อนหมดวาระ และอีกครึ่งทางที่เหลือเราไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้สานต่อ
จุลพันธ์ยังปฏิเสธกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยเลือดหยุดไหลว่า เป็นเพียงศัพท์ของสื่อ ยืนยันว่าพรรคมีคนจำนวนมาก จนต้องคัดให้เหลือเพียงคนเดียว และยังมีผู้สมัครใหม่ไหลเข้าพรรคทุกวัน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าคนที่ออกไป และวันที่ 7 พฤศจิกายน ขอให้มาติดตามด้วยมีการเปิดตัวผู้สมัครอีก 1 ชุด และจะมีการทยอยเปิดตัวเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ 400 เขต
พร้อมยอมรับว่า ตระกูลชินวัตรมีความผูกพันทางใจกับพรรคอย่างปฏิเสธไม่ได้ อย่าไปหลอกตัวเอง โดยอุดมการณ์เริ่มมาจาก ทักษิณ ชินวัตร แต่การที่ แพทองธาร ชินวัตร ลาออก และไม่มีตระกูลชินวัตรในกรรมการบริหารชุดใหม่ ถือเป็นการถ่ายเลือด ที่ถูกต้อง เพื่อให้พรรคเติบโตเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง
ทั้งนี้ แพทองธารจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งเป็นความผูกพันทางใจ ซึ่งจุลพันธ์ย้ำว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคมีอำนาจบริหารจัดการพรรคอย่างสมบูรณ์ ส่วนประเด็นแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่พรรคจะคัดสรร 3 รายชื่อที่ตอบโจทย์ประชาชน สำหรับการทำงานในสภาฯ จะยังไม่รีบยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยขอดูข้อมูลข้อเท็จจริงก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการฉายหนังเก่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเข้ามารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้วจะไปพูดคุยกับสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ให้กลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า “มีการคุยกันอยู่เดี๋ยวก็มา”
 
  
  
  
  
  
  
  
  
  
 


 
         
           
                                 
             
                                                     
                                         
                                             
                                                 
                                                     
                                                         
                 
                 
                 
                 
                 
                