×

โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เบรกคนไทยหาข้อมูลก่อนเชื่อเรื่องสุขภาพ จัดเต็มข้อมูลผลวิจัยตามแนวคิด ‘ป้องกันดีกว่ารักษา’ เตรียมขับเคลื่อนสังคมวิทยาศาสตร์ ซุ่มทำวิจัยคุณประโยชน์ ‘น้ำด่าง’ เพื่อคนไทยเป็นแห่งแรก

โดย THE STANDARD TEAM
22.04.2021
  • LOADING...
โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เบรกคนไทยหาข้อมูลก่อนเชื่อเรื่องสุขภาพ จัดเต็มข้อมูลผลวิจัยตามแนวคิด ‘ป้องกันดีกว่ารักษา’ เตรียมขับเคลื่อนสังคมวิทยาศาสตร์ ซุ่มทำวิจัยคุณประโยชน์ ‘น้ำด่าง’ เพื่อคนไทยเป็นแห่งแรก

โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดเป็นหน่วยงานภาครัฐอีกแห่ง ที่รับบทบาทหนักท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมปรับการให้บริการแบบ New Normal เต็มรูปแบบ อาทิ การให้บริการรักษาผ่านแอปพลิเคชัน จัดเตรียมตู้ Positive Pressure สำหรับใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการของทางเดินหายใจส่วนบน ถึง 6 ยูนิต จัดทำแล็บใหม่ความปลอดภัยขั้นสูงสุง ตลอดจนมาตรการอื่นๆ อย่างเข้มข้น 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สถาบันวิจัยด้านวิทยาศาสตร์อันดับหนึ่งของเมืองไทยแห่งนี้ เป็นกังวลใจและกำลังมุ่งเป้าเป็นพันธกิจ นั่นคือประเด็นอ่อนไหวข้อมูลเรื่องสุขภาพ กับโอเวอร์ดาต้าจำนวนมหาศาล ที่อาจทำให้คนไทยกำลังหลงเชื่อกันได้ง่ายๆ 

 

 

THE STANDARD เปิดอกพูดคุย เผยความรู้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ทั้งเรื่องการดูแลสุขภาพ เรื่องวัคซีน ตามแนวคิด ‘ป้องกันดีกว่ารักษา’ กับนายแพทย์เกรียงไกร ถวิลไพร พร้อมด้วยอาจารย์ ดร.กฤษฎา คงนมนาน กรณีงานวิจัยสำคัญครั้งแรกของเมืองไทย เรื่องคุณประโยชน์ ‘น้ำด่าง’ ที่จะช่วยเบิกเนตรให้สังคมไทย เป็นสังคมวิทยาศาสตร์ เลือกเชื่อในสิ่งถูกต้อง มีหลักฐานงานวิจัยอ้างอิงจากแหล่งที่น่าเชื่อถือชัดเจน 

 

สองคำสำคัญที่อยากให้เข้าใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ

 

การติดเชื้อ คือการที่ร่างกายได้รับเชื้อโรคเข้าไป ซึ่งอาจจะทำให้มีอาการหรือไม่มีอาการได้

 

โรคจากการติดเชื้อ คือการที่ร่างกายได้รับเชื้อแล้วทำให้มีอาการเกิดขึ้น โดยปัจจัยมีอยู่สองประเด็น ได้แก่ 

 

ภูมิคุ้มกันร่างกาย หรือว่าร่างกายเรามีความแข็งแรงแค่ไหน  ปริมาณเชื้อ และความรุนแรงของเชื้อโรคที่ได้รับ

 

ดังนั้นในประเด็นแรกเรื่องของภูมิคุ้มกันร่างกายจึงสำคัญมาก เพราะหากร่างกายคนเราแข็งแรงดี หรือไม่อ่อนแอ โอกาสการรับเชื้อเข้ามาบางทีอาจไม่จำเป็นต้องเป็นโรคได้เหมือนกัน

 

 

สำหรับความชัดเจนเรื่องวัคซีนนั้น นายแพทย์เกรียงไกร ถวิลไพร แจกแจงถึงวัคซีนในปัจจุบันที่มีด้วยกันอยู่ 4 ฟอร์ม ดังนี้ 

  • วัคซีนจากสารพันธุกรรม RNA 
  • วัคซีนจากสารพันธุกรรม DNA
  • วัคซีนจากเชื้อทั้งตัว
  • วัคซีนที่ต้องผ่านเวกเตอร์ตัวอื่นๆ (เป็นวิธีที่นักชีววิทยาใช้ส่งยีน (Genetic Material) เข้าไปในเซลล์) 

 

หรือใช้เป็นส่วนประกอบของวัคซีนที่เรียกว่า Spike โปรตีน ซึ่งข้อมูลในเฟสสามจากผู้ผลิตอย่าง Pfizer และ Moderna ออกมาเรียบร้อย โดยสามารถป้องกันการติดเชื้อได้มากกว่า 90% ทั้งคู่ 

 

สำหรับประเทศไทย คุณหมอให้ข้อสังเกตว่า วัคซีนจากผู้ลิต AstraZineca ซึ่งจัดอยู่ในฟอร์มที่ 4 นั้น ข้อมูลเบื้องต้นด้านประสิทธิภาพการป้องกันถือว่าน่าประทับใจ และหลังจากถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจนเราสามารถผลิตเองได้ จะยิ่งทำให้การควบคุมการระบาดของโรคภายในประเทศทำได้ง่ายขึ้น

 

ขณะที่ข้อกังวลเรื่องผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนต่อเรื่องนี้ นายแพทย์เกรียงไกรกล่าวว่า “โดยทั่วไปเวลาที่เราฉีดวัคซีนจะมีอาการแพ้รุนแรง ซึ่งตามปกติจะเกิดประมาณหนึ่งในล้านโดส แต่ขณะนี้วัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนายังไม่พบการเสียชีวิตจากสาเหตุดังกล่าว ยกตัวอย่างข้อมูลเฉพาะจากกรมควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกาเท่านั้นนะครับ และส่วนใหญ่จะพบอาการภายใน 30 นาที และช้าสุด ภายใน 150 นาที ดังนั้นการฉีดวัคซีนต้องมีการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 30 นาที และหลังกลับบ้านอาจต้องมีการสังเกตภายในสองชั่วโมง หรือตลอดหนึ่งวันที่ฉีดวัคซีนไป ถ้ามีอาการแน่นหน้าอก หายใจไม่ได้ มีผื่นขึ้น หน้ามืด ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที”

 

เหนืออื่นใดคุณหมอได้เน้นย้ำว่า การดูแลสุขภาพให้ตัวเองมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง นอกจากจะช่วยลดการติดเชื้อได้แล้ว ยังเป็นการเตรียมตัวให้ร่างกายมีความพร้อมต่อการฉีดวัคซีนได้ด้วย

    

ออกกำลัง 150 นาที เสริมภูมิคุ้มกัน “การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงบุหรี่ และแอลกอฮอล์ ตลอดจนการดื่มน้ำให้เพียงพอในปริมาณที่เหมาะสม เพราะน้ำทำให้ระบบต่างๆ ของเราทำงานได้ดี และปฏิกิริยาในร่างกายหลายๆ อย่างใช้น้ำเป็นตัวขับเคลื่อนทั้งหมด ดังนั้นร่างกายจึงขาดน้ำไม่ได้ครับ”

 

เพราะน้ำสำคัญต่อร่างกาย ที่มาของงานวิจัย ‘น้ำด่าง’ 

ผู้เชี่ยวชาญอย่างอาจารย์ ดร.กฤษฎา คงนมนาน ได้อธิบายขยายภาพของน้ำด่าง บนความเข้าใจของคนธรรมดาว่าคืออะไร “ปกติสารต่างๆ จะมีการวัดความเป็นกรด ความเป็นเบสแทนเป็นค่า pH ซึ่งสารที่มีคุณสมบัติเป็นกลาง เช่น น้ำบริสุทธิ์ (หรือน้ำกลั่น) จะมีค่า pH อยู่ที่ 7 ถ้าน้อยกว่าจะเป็นกรด ถ้ามากกว่าจะเป็นเบส หรือภาษาไทยเรียกว่าเป็นด่าง สำหรับเครื่องดื่มน้ำด่าง จึงเป็นน้ำที่มีค่า pH มากกว่า 7 หรือมีคุณสมบัติเป็นด่างนั่นเอง”

 

 

พร้อมเปิดเผยที่มาของงานวิจัย เนื่องจากคนไทยกำลังตื่นตัวเรื่องสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะวิกฤตการณ์โรคระบาดเช่นนี้ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจึงเกิดขึ้นมากมาย ทั้งเครื่องดื่ม และอาหารเสริม เจ้าตัวจึงอยากให้สังคมไทยห่วงสุขภาพ บนพื้นฐานสังคมวิทยาศาสตร์ไปอย่างควบคู่กัน

 

ดังนั้นหากจะยืนยันว่าอะไรดี ไม่ดี ต้องมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่จะทำให้ทุกคนมีความรู้ และตอบคำถามเหล่านี้ได้มากยิ่งขึ้น จึงเริ่มจากการทำวิจัยคุณประโยชน์ของน้ำด่าง ที่ประเทศไทยยังไม่เคยทำมาก่อน พร้อมยกตัวอย่างผลงานวิจัยจากทั่วโลกที่ศึกษาถึงเรื่องนี้

 

 

ตัวอย่างงานวิจัย ‘น้ำด่าง’ ทั่วโลก

โดย อาจารย์ ดร.กฤษฎา คงนมนาน ได้นำเสนอมุมมองของนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ที่เคยตีพิมพ์ผลงานมาแล้วจากหลายประเทศที่พิสูจน์ทราบชัด เช่น

 

สหรัฐอเมริกา: งานวิจัย การดื่มน้ำด่างที่มีส่วนช่วยต่อโรคกรดไหลย้อน

เรื่องของกรดไหลย้อน คือภาวะกรดจากกระเพาะอาหาร (ปกติในกระเพาะอาหารมีค่า pH เท่ากับ 2 ซึ่งมีความเป็นกรดมาก) และพวกเอ็นไซม์ที่ใช้ในการย่อยโปรตีนต่างๆ ไหลย้อนขึ้นไป ทำลายเยื่อบุผิวบริเวณหลอดอาหาร ในการวิจัยได้ให้น้ำด่างที่มี pH 8.8 พบว่า นอกจากจะไปช่วยลดความเป็นกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาแล้ว ยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอ็นไซน์เปปซิน (Pepsin) ทำให้การทำลายเยื่อบุบริเวณหลอดอาหารเกิดขึ้นน้อยลง

 

สหรัฐอเมริกา: งานวิจัยเรื่อง ผลกระทบของน้ำด่างต่อความเข้มข้นของเลือด

มีการนำอาสาสมัครจำนวน 100 คน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม อย่างละครึ่ง และให้อาสาสมัครเหล่านี้ออกกำลังกายอย่างหนัก ทำให้เกิดการสูญเสียน้ำ โดยกลุ่มหนึ่งดื่มน้ำปกติ อีกกลุ่มดื่นน้ำด่าง จากการวิจัยพบว่าน้ำด่างช่วยลดความหนืดของเลือด เนื่องจากการสูญเสียน้ำได้

 

จีน: งานวิจัยเรื่องน้ำด่างกับการทำงานของกระเพาะอาหาร 

โรคของแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากการใช้ยาแอสไพริน เมื่อใช้ในปริมาณมากๆ จะทำให้เกิดภาวะกรดในกระเพาะอาหารสูงขึ้น พบว่าน้ำด่างช่วยลดความเป็นกรดที่เกิดขึ้นในกระเพาะอาหารลงได้ ตัวอย่างในสัตว์ทดลองต่างๆ เหล่านี้ จึงทำให้เห็นประโยชน์ของการดื่มน้ำด่างต่อสุขภาพมากขึ้น

 

ญี่ปุ่น: งานวิจัยเรื่องน้ำด่างต่อระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย

เป็นอีกประเทศที่ให้ความสนใจกับการทำวิจัยเรื่องน้ำด่าง ได้นำอาสาสมัครสุขภาพปกติจำนวน 60 คน แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม อย่างละครึ่งเช่นกัน กลุ่มหนึ่งดื่มน้ำปกติ และอีกกลุ่มดื่มน้ำด่างตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน พบว่าเมื่อระยะเวลาการทดลองสิ้นสุด การเปรียบเทียบค่าเลือดพบว่าไม่ได้ต่างกัน จากการตอบแบบสอบถาม ทีมวิจัยค้นพบว่ากลุ่มคนที่ดื่มน้ำด่าง มีการแสดงความคิดเห็นว่า พวกเขาขับถ่ายอุจจาระเป็นปกติมากขึ้น มีอาการท้องเสียน้อยลง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ดื่มน้ำปกติ

 

อียิปต์: งานวิจัยเรื่องน้ำด่าง กับโอกาสการลดกรดในกระแสเลือด 

มีการทำวิจัยโดยใช้สัตว์ทดลองสองกลุ่ม เกี่ยวกับภาวะความเป็นกรดที่เกิดจากความผิดปกติของไต ทางการแพทย์เรียกว่า Metabolic Acidosis พบว่ากลุ่มที่ดื่มน้ำด่างจะลดความเป็นกรด ทำให้สมดุลของกรดเบสในเลือดกลับมาดีขึ้น 

 

 

‘น้ำด่าง’ งานวิจัยคุณประโยชน์ในมุมมองใหม่ เพื่อคนไทยโดยเฉพาะ

ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มทางเลือกเหล่านี้แพร่หลายในหลายประเทศ และมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำด่างยังมีมากมายเหลือเกิน แต่งานวิจัยในคนไทยยังมีไม่มากนัก จึงเป็นโอกาสดีที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ได้ริเริ่มอย่างจริงจัง ถูกต้อง รัดกุม เพื่อทำให้คนไทยได้บริโภคสิ่งที่มีประโยชน์ และมีคุณค่าจริงๆ ครับ” ดร.กฤษฎา คงนมนาน กล่าวทิ้งทาย

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X