วันนี้ (2 มิถุนายน) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ชลธิชา แจ้งเร็ว ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.), รังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส. และ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ร่วมยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เพื่อให้ตรวจสอบทางวินัยผู้พิพากษาศาลอาญาที่เร่งรัดคดีอาญา มาตรา 112 ของ ชลธิชา แจ้งเร็ว ซึ่งตกเป็นจำเลย โดยมีการเลื่อนนัดสืบพยานให้เร็วขึ้น จนไม่มีทนายความของจำเลยร่วมว่าความอยู่ในการพิจารณาคดีด้วย
ชลธิชากล่าวว่า จุดเริ่มต้นการถูกแจ้งข้อหา ม.112 คดีนี้มาจากการเขียนจดหมายถึงสถาบันฯ โดยเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2565 เป็นการนัดพร้อมของคดีความครั้งแรก ซึ่งตนและทนายได้มีการตกลงเจรจากับอัยการและผู้พิพากษาว่า จะมีการนัดสืบพยานในเดือนมีนาคม ปี 2567 ซึ่งเหตุผลที่ขอเป็นช่วงเวลาดังกล่าวเนื่องจากทนายความของตนที่ทำคดีความ ม.112 ต้องว่าความหลายคดี
ต่อมาประมาณเดือนกรกฎาคม ปี 2565 เจ้าหน้าที่ศาลโทรศัพท์มาสอบถามทนายความของตนว่า ในเดือนมิถุนายนและสิงหาคมปี 2566 มีวันว่างหรือไม่ ศาลอาญาต้องการนัดสืบพยาน โดยเลื่อนนัดมาให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ทนายความของตนจึงชี้แจงว่าไม่ว่าง เนื่องจากติดภารกิจการสืบพยานที่ศาลอื่น
ชลธิชากล่าวต่อว่า ในเมื่อเราแจ้งกับศาลไปเรียบร้อยแล้วถึง 2 รอบว่า ทนายความของจำเลยไม่สะดวกนัดสืบพยานของคดีนี้ในช่วงเดือนมิถุนายนและสิงหาคม เพราะติดนัดอื่น สิ่งที่ตนและทนายความสงสัยและตั้งคำถามคือ ในเมื่อศาลรู้อยู่แล้วว่าทนายความไม่สะดวกเนื่องจากติดภารกิจ ทำไมถึงยังดำเนินการ
โดยเมื่อวานนี้ (1 มิถุนายน) ตนเดินทางมาที่ศาลคนเดียว เพื่อขอยื่นการเลื่อนนัดสืบพยานเนื่องจากไม่สะดวก แต่ อรรถการ ฟูเจริญ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และผู้พิพากษาในคดี ไม่อนุญาตให้เลื่อนนัดสืบพยาน ตนจึงใช้สิทธิในการขอพบผู้บริหารศาลซึ่งเป็นสิทธิของบุคคลทั่วไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าพบ
จากนั้นขอใช้สิทธิเปลี่ยนองค์คณะผู้พิพากษา เนื่องจากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะเหตุการณ์เมื่อวานนี้มีการสืบพยานฝ่ายโจทก์ แต่ตนไม่มีทนายอยู่ด้วย ซึ่งตามปกติคดีอาญาที่มีโทษสูงอย่าง ม.112 ที่มีโทษจำคุก 3-15 ปี เมื่อมีการสืบพยานจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้มีความรู้ด้านกฎหมายอยู่ด้วย ทำให้ตนรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลที่ศาลเลื่อนนัดสืบพยานเร็วขึ้น ชลธิชากล่าวว่า ศาลให้เหตุผลว่าเป็นดุลยพินิจของท่าน หากไม่พอใจให้ไปดำเนินการตามขั้นตอน ทำให้ตนมายื่นหนังสือถึง ก.ต. ในวันนี้ รวมถึงไม่ใช่แค่คดี ม.112 ของตนที่ถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น แต่ยังมีของคนอื่นอีก 4-5 คนที่โดนลักษณะเดียวกัน และพบว่าไม่มีทนายฝ่ายโจทก์
ชลธิชากล่าวต่อว่า คดีของ ปิยรัฐ จงเทพ ว่าที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล ก็พบว่าถูกเลื่อนคดีให้เร็วขึ้น แต่กรณีนั้นในเวลาต่อมาศาลอนุญาตให้เลื่อนคดีออกไปให้ช้าลงได้ มีเพียงคดีของตนเท่านั้นที่ศาลยืนยันว่าไม่สามารถให้เลื่อนนัดสืบพยาน
เมื่อถามว่า การเลื่อนนัดสืบพยานหรือเลื่อนการทำคดีให้เร็วขึ้นจะเป็นการขัดขวางการทำหน้าที่ ส.ส. ในอนาคตหรือไม่ ชลธิชากล่าวว่า มีหลายคนที่แสดงความกังวลว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นหนึ่งในขั้นตอนขัดขวางการทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร
รังสิมันต์กล่าวว่า อรรถการเป็นหนึ่งในผู้ที่ถอนหมายจับกรณีของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ท่านหนึ่ง แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราตั้งคำถามว่า ตกลงแล้วกระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างไร มีความเป็นธรรม เสมอภาค และเท่าเทียมกันกับทุกคนหรือไม่ เพราะอย่างกรณีของ ส.ว. รายหนึ่งกระบวนการล่าช้า ตนเคยยื่นให้ ก.ต. พิจารณาการทำหน้าที่ว่า อรรถการและอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
กรณีของชลธิชามีคำถามที่สำคัญคือ กระบวนการเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ได้มาตรฐานและมีความยุติธรรมหรือไม่ การพิจารณาเมื่อวานนี้หมายความว่าเขาจะไม่มีทนายความในการต่อสู้คดีด้วยหรือไม่
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า ตนไม่อยากให้รู้สึกว่า สุดท้ายแล้วองค์กรนี้จะเป็นเครื่องมือของกระบวนการอะไรก็แล้วแต่ เป็นการเตะตัดขาชลธิชาให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในสภา หรือเป็นผู้แทนของประชาชนได้ ตนเชื่อว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นกับศาลของเรา ตนมีความหวังที่จะเห็นการปรับปรุงแก้ไขและสร้างความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่าย
ด้านอมรรัตน์กล่าวว่า วันนี้มาในนามของกรรมการพรรคก้าวไกล ขอมายืนเคียงข้างชลธิชาด้วยความเป็นห่วงต่อวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นกับกระบวนการยุติธรรม กระบวนการยุติธรรมถูกตั้งคำถามมาก การดำรงตนเป็นอิสระโยงไปถึงนโยบายของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
