คนหนุ่มสาวในจีนเริ่มเหนื่อยและเบื่อหน่ายกับงานและชีวิตของพวกเขามากขึ้น และขณะนี้บางคนกำลังหันหลังให้กับวัฒนธรรมที่บ้างานของบริษัท เนื่องจากพวกเขากำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ ตั้งแต่การว่างงานที่เพิ่มขึ้นไปจนถึงการเลิกจ้างและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
การแข่งขันรุนแรงมากจนบางคนบอกว่าพวกเขาเลือกที่จะละทิ้งความฝันและแรงบันดาลใจเพื่อตำแหน่งงานที่ยังว่าง
โดยแนวคิดใหม่อย่าง ‘ถ่างผิง’ หรือที่แปลว่านอนราบ กลายเป็นคำศัพท์ที่แพร่หลายในจีนเมื่อปีที่แล้ว และติด 1 ใน 10 อันดับศัพท์ยอดฮิตจากอินเทอร์เน็ตในปีนั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- นี่คือ ‘การแก้แค้น’ รู้จัก ‘การอดหลับอดนอนเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดที่เวลาว่างไม่พอ’ นิสัยที่กำลังทำร้ายสุขภาพ
- เพราะไม่อยากจ่ายค่าชดเชย? Quiet Firing การทำให้พนักงานดิ่งจนถึงขีดสุดและยอมลาออกไปเอง
- ส่องปรากฏการณ์ Quiet Quitting ที่คนรุ่นใหม่ไม่เชื่อ ‘วัฒนธรรมการทำงานหนักแล้วจะได้ดี’ พร้อมคำแนะนำสำหรับองค์กรเพื่อรับมือ
“ถ่างผิงคือการปฏิเสธการทำงานมากเกินไป โดยที่คุณปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปและทำอะไรให้น้อยที่สุด” Jia Miao ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เซี่ยงไฮ้ (NYU Shanghai) กล่าว “ความนิยมของคำนี้สะท้อนถึงความเครียดและความผิดหวังที่คนหนุ่มสาวรู้สึก”
ในเดือนมีนาคมของปีนี้ คำศัพท์อีกคำที่ได้รับความนิยมขึ้นมาบนโลกออนไลน์คือคำว่า ‘ป่ายล่าน’ แปลว่า ‘ปล่อยให้เน่า’ ที่หมายถึงการปล่อยวางเรื่องความสำเร็จ ไม่ต้องการงานรายได้สูง แต่หันมาทำงานก๊อกแก๊กเท่าที่หาได้เลี้ยงตัวเองไปวันๆ โดยไม่คิดอะไร
“ป่ายล่านคือการที่คนหนุ่มสาวปฏิเสธที่จะพยายามต่อไป (ในการใช้ชีวิต) เพราะพวกเขาไม่เห็นความหวังในการทำเช่นนั้น” Miao กล่าวเสริม
อะไรคือที่มาของความท้อแท้ในหมู่คนหนุ่มสาวในประเทศจีน? รายงานจาก CNBC Make It มีคำตอบ
อัตราการว่างงานและความไม่แน่นอน
จากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ อัตราการว่างงานของผู้ที่มีอายุระหว่าง 16-24 ปี อยู่ที่เกือบ 20% ในเดือนกรกฎาคม ซึ่งสูงกว่าอัตราการว่างงานในเขตเมืองที่ 5.6% มาก
เธอกล่าวว่าคำศัพท์อย่างถ่างผิงและป่ายล่านนั้นสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงที่หนุ่มสาวชาวจีนต้องเผชิญในปัจจุบัน
“ในขณะที่การแข่งขันคือสิ่งที่สังคมคาดหวัง นี่เป็นความไม่แน่นอนที่เกิดจากการระบาดใหญ่ และปีนี้มันยากขึ้นมากสำหรับคนหนุ่มสาวที่จะหางานทำ”
ทั้งนี้ จีนกำลังเผชิญกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และนักเศรษฐศาสตร์หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกจะสามารถบรรลุเป้าหมายในการเติบโตของทั้งปีที่ประมาณ 5.5% ได้หรือไม่ โดยเศรษฐกิจจีนเติบโตเพียง 0.4% ในไตรมาสที่สอง เนื่องจากนโยบายปลอดโควิดที่เข้มงวดของประเทศ
มันคือการหลบหนี?
Crystal Guo ในวัย 30 ปี กล่าวกับ CNBC ว่าเธอถูกไล่ออกถึงสองครั้งในเวลาไม่ถึงปี โดยกล่าวว่ามันค่อนข้าง ‘น่าเหลือเชื่อ’
เธอถูกพักงานครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ขณะทำงานอยู่ที่บริษัทส่งเสริมการศึกษาเอกชน เนื่องจากรัฐบาลปราบปรามการศึกษาและดำเนินนโยบาย ‘ลดสองเท่า’ ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งเบาภาระการเรียนนอกมหาวิทยาลัยที่มากเกินไปสำหรับนักเรียน
หลังจากนั้นไม่นานเธอได้กลับบ้านที่เมืองเซินเจิ้น และเริ่มทำงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่โชคร้ายที่แผนกของเธอถูกเลิกจ้างทั้งหมด
“ฉันได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน สถานการณ์ตลาดงานในปีนี้ค่อนข้างแย่ ตอนที่ฉันพยายามหางานใหม่มันเป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีกำลังเลิกจ้างด้วย” เธอกล่าว “ฉันกำลังมองหางานอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่พบงานที่เหมาะสม”
การนอนราบกลายเป็นรูปแบบของ ‘การหลบหนีจากความจริง’ สำหรับเธอ หลังจากล้มเหลวในการหางานใหม่ เธอใช้เวลาว่างเพื่อทำงานพาร์ตไทม์เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือทำงานอดิเรกอื่นๆ
ต่อต้านความทะเยอทะยาน
สำหรับ Guo ที่จะมีอายุครบ 30 ปีในปีนี้ ความคาดหวังของสังคมว่าควรจะมีบ้าน มีงาน และครอบครัวที่ดี จะรู้สึกได้มากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อน “มีความคาดหวังว่าควรจะมีบ้าน หน้าที่การงานที่ดี และครอบครัว ซึ่งฉันไม่มีพวกนั้นเลย”
แต่แนวคิดเรื่องการนอนราบหรือไม่มีงานประจำในกรณีของเธอ มันได้ให้เวลาเธอในการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เธอให้ความสำคัญในชีวิต เธอกล่าว
“ตอนอายุ 22 ปี ฉันกลัวว่าเมื่ออายุ 30 ปี ฉันจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย แต่ตอนนี้เมื่ออายุ 30 ปี ฉันยอมรับว่าเป็นคนธรรมดา ฉันเลิกคิดไปแล้วว่ามันสำคัญที่จะเป็นคนรวยหรือเป็นคนที่สามารถซื้อบ้านได้
“ตอนที่ฉันทำงาน ชีวิตในแต่ละวันจะหมุนไปรอบๆ งานของฉัน และมันรู้สึกเหมือนว่าฉันพลาดที่จะใช้เวลาสำหรับตัวเอง” เธอกล่าวเสริม
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม
แต่เหมือนกับการลาออกอย่างเงียบๆ การนอนราบคือการได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน ตัวอย่างเช่น รายงานของสื่อท้องถิ่นเตือนถึงกระแสดังกล่าวและเขียนว่าเยาวชนควร ‘เต็มใจทำงานหนัก’
อย่างไรก็ตาม Guo ยืนยันว่าการเลือกนอนราบไม่ได้หมายความว่าเธอยอมแพ้ในตัวเอง
“ถึงแม้จะดูเหมือนไม่ได้ทำอะไรเลยเป็นเวลา 6 เดือน แต่ฉันก็พยายามอย่างหนักเพื่อตัวเอง ‘ถ่างผิง’ ทำให้ได้ไตร่ตรองถึงอาชีพการงานและอนาคตของฉัน มันไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายเสมอไป”
ในทำนองเดียวกัน การลาออกอย่างเงียบๆ ไม่ได้หมายความว่าคุณกำลังออกจากงาน สำหรับบางคนมันหมายถึงการกำหนดขอบเขตและไม่รับงานเพิ่มเติม สำหรับคนอื่นๆ มันหมายถึงการไม่ก้าวไปข้างหน้า
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP