จังหวัดต่างๆ ในประเทศจีนมากกว่า 10 แห่ง ได้เริ่มต้นกลับมาจัดกรุ๊ปทัวร์ข้ามจังหวัดอีกครั้ง หลังจากที่กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีน (MCT) ประกาศบังคับใช้มาตรการต่อต้านการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ที่กำหนดเป้าหมายเฉพาะพื้นที่มากขึ้น เพื่อพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศในพื้นที่ที่ปลอดภัยจากการระบาด รับวันหยุดเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง หรือ Dragon Boat Festival ซึ่งจะเริ่มต้นในวันศุกร์นี้ (3 มิถุนายน)
บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า การกลับมาเริ่มต้นทัวร์แบบกลุ่มระหว่างจังหวัดไม่เพียงแค่สะท้อนถึงความสำเร็จของประเทศจีนในการรับมือกับการระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโควิดเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความพยายามอย่างเข้มข้นของประเทศในการทำให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ตามรายงานของแผนกวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของมณฑล พบว่า มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน เป็นหนึ่งในเมืองแรกๆ ที่สะท้อนนโยบายใหม่และประกาศให้เริ่มทัวร์แบบกลุ่มระหว่างจังหวัดอีกครั้ง เนื่องจากตอนนี้มณฑลดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำสำหรับการแพร่กระจายของไวรัสโควิด
จนถึงขณะนี้มีมณฑลและภูมิภาคประมาณ 12 แห่งได้ประกาศการเริ่มทัวร์แบบกลุ่มระหว่างมณฑลอีกครั้ง ซึ่งรวมถึงมณฑลเหอหนาน, มณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้, มณฑลหูหนาน ทางตอนกลาง, มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออก และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตอนใต้
ตามข้อมูลของ Ctrip.com แพลตฟอร์มจองการเดินทางออนไลน์ของจีน พบว่า หลังจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย คำสั่งซื้อทัวร์ระหว่างจังหวัดเพิ่มขึ้นคิดเป็นเกือบ 40% ของคำสั่งซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงทั้งหมดในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นวันแรกของวันหยุดเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง และเพิ่มขึ้นเกือบ 10% เมื่อเทียบกับวันแรกของวันแรงงาน สะท้อนให้เห็นความต้องการเดินทางไกลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในจีน
ด้านเว็บไซต์ Qunar.com ระบุในแถลงการณ์ว่า แม้แต่นครเซี่ยงไฮ้ก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยเมื่อเมืองนี้ยกเลิกการล็อกดาวน์ที่ยาวนานร่วมเดือนในวันพุธ (1 มิถุนายน) มหานครก็เห็นการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่จำนวนการจองโรงแรมในเซี่ยงไฮ้ในวันอังคาร (31 พฤษภาคม) เพิ่มขึ้น 1.5 เท่าเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า
นอกเหนือจากการอนุญาตให้เริ่มทัวร์แบบกลุ่มระหว่างจังหวัดแล้ว บางพื้นที่ยังได้ประกาศมาตรการสนับสนุนสำหรับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของไวรัสโควิดอีกด้วย
เจียงอีอี (Jiang Yiyi) รองหัวหน้า School of Leisure Sports and Tourism ของมหาวิทยาลัย ระบุว่า ทางการจีนยังคงเดินหน้าพิจารณาจากสถานการณ์เพื่อเปิดตัวมาตรการที่เหมาะสมและละเอียดยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด โดยเจียงเชื่อมั่นว่า วิธีการป้องกันไวรัสโควิดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บวกกับความพยายามในการรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลจะช่วยเพิ่มการฟื้นตัวของวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวจะผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การจัดเลี้ยง ที่พัก และกิจกรรมทางวัฒนธรรม “การกระตุ้นอุปสงค์ภายในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจมีความสำคัญอย่างยิ่ง” เจียงกล่าว
วันเดียวกัน Global Times สื่อท้องถิ่นของทางการจีนรายงานว่า สำนักงานบริหารเงินตราต่างประเทศ หรือ The State Administration of Foreign Exchange: SAFE หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎระเบียบและข้อบังคับที่ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจีน ได้เปิดเผยแผนการขยายโครงการการจัดหาเงินทุนข้ามพรมแดนสำหรับบริษัทไฮเทคขนาดเล็กในประเทศ
นับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลกรุงปักกิ่งในการขับเคลื่อน หนุนเศรษฐกิจท่ามกลางผลกระทบที่เกิดจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด
แถลงการณ์ของสำนักงาน SAFE ระบุว่า โครงการนำร่องที่อนุญาตให้บริษัทไฮเทคขนาดกลางและขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งทุนต่างประเทศ จะครอบคลุมธุรกิจในพื้นที่อีก 8 จังหวัดและเมืองต่างๆ รวมถึงเทศบาลเทียนจินและมณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน ทำให้จำนวนภูมิภาคทั้งหมดที่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้มีถึง 17 แห่ง และให้มีผลบังคับใช้ในทันที
นอกเหนือจากบริษัทที่จัดประเภทเป็นธุรกิจไฮเทคแล้ว บริษัทวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และบรรดา SME หน้าใหม่ก็มีสิทธิ์เข้าถึงแหล่งเงินกู้จากต่างประเทศอีกด้วย
สำหรับจุดมุ่งหมายของโครงการนำร่องนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นมาตรการส่งเสริมการเติบโตของผู้ประกอบการภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นการสนับสนุบเศรษฐกิจฐานรากที่แท้จริง
ทั้งนี้ ธุรกิจที่มีสิทธิ์จาก 9 จังหวัดและเมืองที่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมโครงการนำร่องตั้งแต่ก่อนที่จะมีการขยายพื้นที่เข้าร่วม จะได้รับโควตาหนี้ต่างประเทศที่ 10 ล้านดอลลาร์ ส่วนโควตาสำหรับธุรกิจในจังหวัดที่เพิ่มเข้ามาใหม่ในภายหลังนี้จะจำกัดไว้ที่ 5 ล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ด้วยความพยายามที่จะสร้างความมั่นใจว่าการจัดหาเงินกู้จากต่างประเทศจะถูกนำไปใช้เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ผู้ควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนได้กำหนดเงื่อนไขของธุรกิจที่เข้าร่วมไว้ว่า ธุรกิจนั้นๆ จะต้องมีการจดทะเบียนและดำเนินการในภูมิภาคนำร่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี หรือบริษัทที่ได้รับการรับรองโดยหน่วยงานระดับชาติหรือระดับท้องถิ่นว่าเป็น SMEs ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงและ SME รายใหม่ จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ ส่วนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการเงิน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจที่ได้รับการจัดสรรเงินทุนจากรัฐบาลท้องถิ่น ไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ
นอกจากนี้ ธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวจะไม่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ เข้าร่วมการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ หรือลงทุนในบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเข้าร่วมโครงการการจัดหาเงินทุนของรัฐบาลท้องถิ่นได้
ทั้งนี้ โครงการระดมทุนข้ามพรมแดนโดย SAFE เริ่มต้นเป็นครั้งแรกที่เขตสาธิตนวัตกรรมแห่งชาติ จงกวนชุน (Zhongguancun) ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนมีนาคมปี 2018 ก่อนที่จะขยายให้ครอบคลุม 9 ภูมิภาค รวมถึงเซี่ยงไฮ้ มณฑลกวางตุ้ง และมณฑลไห่หนาน ทางตอนใต้ของจีน
อ้างอิง: