จีนเริ่มขยับ สถานทูตจีนในเมียนมาต่อสายตรงถึงรัฐบาลเงาที่ยืนเคียงข้างประชาชน เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐประหาร

วานนี้ (8 เมษายน) สื่อท้องถิ่นของเมียนมารายงานว่า ทางการจีนเริ่มมีบทบาทกับสถานการณ์ความขัดแย้งในเมียนมามากขึ้น หลังสถานทูตจีนในเมียนมาต่อสายตรงถึงคณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพ (CRPH) องค์กรที่ดูเหมือนเป็นรัฐบาลเงาที่ยืนเคียงข้างประชาชนชาวเมียนมาต่อต้านอำนาจของกองทัพ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐประหาร เมื่อ 1 กุมภาพันธ์

โดยแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือระบุว่า การโทรศัพท์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังการรัฐประหารผ่านมานานกว่า 2 เดือน ซึ่งก่อนหน้านี้ CRPH ที่ถือเป็นองค์กรตัวแทนของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง และได้รับการสนับสนุนจากประชาชนชาวเมียนมารวมถึงประชาคมโลก ต่างพยายามติดต่อเพื่อพูดคุยกับทางการจีนมาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับแต่อย่างใด

CRPH ต้องการให้ทางการจีนสนับสนุนจุดยืนของตนและประชาชนชาวเมียนมา พร้อมกับโค่นล้มเผด็จการทหารลงจากอำนาจและนำรัฐบาลพลเรือนกลับคืนมา โดยระหว่างบทสนทนา ทางการจีนระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเมียนมาขณะนี้เป็นสิ่งที่จีนไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น อีกทั้งยังแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยของพลเมืองจีน และการลงทุนของจีนในเมียนมาที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ที่มีแนวโน้มจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้น

เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สื่อของทางการจีนอย่าง Global Times รายงานเหตุโรงงานกว่า 32 แห่งของจีนในเขตอุตสาหกรรมไลง์ตายาในย่างกุ้งถูกเพลิงไหม้เสียหาย โดยคาดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเป็นผู้วางแผนวางเพลิง ในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมให้การปฏิเสธ พร้อมระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นฝีมือของกองทัพที่พยายามหาช่องทางสร้างความชอบธรรมในการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม

รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนเคยแสดงจุดยืนชัดเจนว่า จีนจะเดินหน้ากระชับความสัมพันธ์แบบทวิภาคีในมิติต่างๆ กับเมียนมาต่อไป ไม่ว่าสถานการณ์ในเมียนมาจะพัฒนาไปเป็นเช่นไร แต่อย่างไรก็ตาม จีนจะพยายามหาแนวทางให้ทุกฝ่ายในเมียนมาได้พูดคุยกัน โดยทางการสหรัฐอเมริกาเรียกร้องให้จีนเร่งช่วยแก้ไขวิกฤตในเมียนมาหลังการรัฐประหารมากกว่าที่จะนิ่งเฉย

ที่ผ่านมาทางการจีนประสบความล้มเหลวในการประณามเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมา มีประชาชนจำนวนมากกว่า 600 ราย เสียชีวิตจากการถูกประหัตประหารโดยรัฐ อีกทั้งจีนยังเป็นประเทศที่วีโต้คัดค้านการดำเนินมาตรการที่เป็นรูปธรรม ตอบโต้สถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเวทีระดับนานาชาติอย่างที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ปลุกกระแสไม่พอใจจีนเป็นอย่างมาก ทั้งในเมียนมาและในประชาคมโลก