ตามการวิเคราะห์ของ Louise Loo นักเศรษฐศาสตร์จาก Oxford Economics ระบุว่า จีนกำลังมีปัญหาใหญ่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4-6 ปี ถึงจะแก้วิกฤตได้
Louise Loo พบว่า จากการคำนวณตัวเลขต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นประมาณการปริมาณที่อยู่อาศัยที่ยังขายไม่ได้ หรืออัตราส่วนการก่อสร้างต่อการขายทั่วประเทศจีน บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในจีนจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4-6 ปี ในการสร้างที่อยู่อาศัยที่ยังไม่เสร็จให้เสร็จสมบูรณ์
“อุปทานส่วนเกินที่มีอยู่ในตลาดมีแนวโน้มที่จะใช้เวลาอย่างน้อยอีก 4 ปีถึงจะคลี่คลาย โดยอุปสงค์จะไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” Loo กล่าวในรายงาน
Loo ยังตั้งข้อสังเกตว่า มีอุปทานที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นจากธุรกรรมในตลาดรอง เนื่องจากครัวเรือนยังคงกังวลว่าตนเองอาจได้กำไรน้อยลง เนื่องมาจากราคาบ้านที่ลดลงต่อเนื่อง
“ปริมาณที่อยู่อาศัยที่ยังขายไม่ได้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์มีมากเกิน ทำให้ครัวเรือนดูดซึม (Absorb) ได้ไม่เร็วพอ” Loo กล่าว
โดยปกติแล้วในประเทศจีนอพาร์ตเมนต์จะขายก่อนที่การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่บริษัทอสังหาจะต้องสร้างบ้านให้เสร็จก่อนหากต้องการขายเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาด้านการเงินและปัญหาอื่นๆ ทำให้บริษัทอสังหาส่งมอบบ้านได้ช้าลง ส่งผลให้ยอดขายบ้านในอนาคตอาจลดลง
สอดคล้องกับ Nomura ที่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเปิดเผยรายงานซึ่งระบุว่า ในจีนมีโครงการบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จแต่ขายไปแล้ว (Unfinished Pre-Sold Homes) ประมาณ 20 ล้านยูนิต เทียบเท่ากับขนาดอสังหาริมทรัพย์ของ Country Garden ราว 20 เท่า ณ สิ้นปี 2022
พร้อมทั้งประมาณการว่าบริษัทอสังหาต่างๆ จำเป็นต้องใช้เงินราว 3.2 ล้านล้านหยวน เพื่อสร้างยูนิตที่เหลือเหล่านั้นให้เสร็จสิ้น
วิกฤตอสังหาจีนจะลุกลามไปภาคส่วนอื่นๆ หรือไม่?
แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนจะมีปัญหาอย่างต่อเนื่อง แต่ Loo คาดว่าวิกฤตดังกล่าวจะไม่ลุกลามไปยังภาคส่วนอื่นๆ เนื่องจากบทบาทเชิงนโยบายของจีน ธนาคารที่รัฐบาลจีนควบคุม และเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อมีความเข้มงวดมากกว่า
“เราคิดว่าภาวะถดถอยในตลาดที่อยู่อาศัยของจีนจะแตกต่างจากสหรัฐอเมริกา สเปน หรือไอร์แลนด์เมื่อ 10-15 ปีที่แล้ว และไม่น่าจะกระตุ้นให้เกิดวิกฤตการเงินในวงกว้างขึ้น” Loo กล่าว
อ้างอิง: