สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านแนวคิดการเปิดเศรษฐกิจแผงลอย หรือ Street Stall Economy ซึ่งหมายถึงการยกเลิกข้อห้ามการตั้งแผงขายของตามท้องถนนในกรุงปักกิ่ง เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานในหมู่คนหนุ่มสาวของประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น
ข้อมูลจากสำนักข่าว Xinhua ระบุว่า ประธานาธิบดีสีได้แสดงความเห็นระหว่างการลงพื้นที่เยี่ยมชมเขตเมืองใหม่ สงอัน ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของกรุงปักกิ่งเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เมืองหลวงถือเป็นศูนย์กลางเมืองที่สำคัญที่สุด เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ต้องมีความเป็นระบบระเบียบ ไม่ใช่สถานที่จับฉ่าย
ดังนั้นโรงงานในตรอก (Factories in Alleys) หรือเศรษฐกิจริมถนน (Street Stall Economy) จึงไม่อาจยอมให้เกิดขึ้นได้
CNN ระบุว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำระดับสูงของจีนกล่าวแสดงความเห็นต่อสาธารณะในเชิงที่ไม่เห็นด้วยกับความพยายามล่าสุดในการฟื้นฟูเศรษฐกิจแผงลอยริมถนน ซึ่งเป็นนโยบายที่หลายเมืองขนานนามว่า เป็นวิธีการฟื้นคืนชีพผู้ประกอบการรายย่อย เพราะจะช่วยสร้างงานสร้างรายได้ท่ามกลางอัตราการว่างงานของเยาวชนในเมืองที่กำลังพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลท้องถิ่นของกรุงปักกิ่งจะต้องปฏิบัติตามมุมมองของสีจิ้นผิง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการจัดระเบียบครั้งใหญ่ของบรรดาพ่อค้า-แม่ค้าหาบเร่แผงลอยตามท้องถนนอีกครั้ง หรือไม่
รายงานระบุว่า กรุงปักกิ่งซึ่งมีประชากรมากถึง 22 ล้านคน เป็นหนึ่งในเมืองใหญ่หลายสิบเมือง รวมทั้งเซินเจิ้นและเซี่ยงไฮ้ของจีน ที่มีการผ่อนปรนกฎหมายการห้ามขายของตามท้องถนนในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ห้ามการเร่ขายของ เนื่องจากทำให้เมืองขาดความเป็นระบบระเบียบ โดยขณะนี้หน่วยปกครองท้องถิ่นในเมืองต่างๆ กำลังสนับสนุนให้ผู้คนตั้งแผงลอยริมถนนหรือตั้งรถเข็นในบางพื้นที่ เพื่อขายอาหารท้องถิ่น อาหารว่าง เสื้อผ้า หรือของเล่นได้
การยกเลิกข้อจำกัดดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเมืองซีโป ซึ่งเคยเป็นเมืองโรงงานที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก กลายเป็นไวรัลบนสื่อออนไลน์สำหรับแผงขายบาร์บีคิวกลางแจ้ง จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เมืองอื่นๆ ในจีนพยายามลอกเลียนแบบความสำเร็จ
ความสำเร็จของเมืองซีโปยังสอดคล้องกับข้อเสนอของอดีตนายกรัฐมนตรีหลี่เค่อเฉียง ที่เสนอให้สร้างงาน โดยสนับสนุนให้พ่อค้า-แม่ค้าตั้งร้านค้าตามท้องถนนทั่วประเทศ หลังจากที่จีนอยู่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเกิดจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิดในปี 2020 แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกคัดค้านอย่างรวดเร็วจากสีและคนสนิท โดยระบุว่า การค้าขายแบบหาบเร่แผงลอยนั้น ‘ไม่ถูกสุขลักษณะและไร้อารยธรรม’ (Unhygienic and Uncivilized)
นอกจากนี้การถกเถียงเกี่ยวกับหาบเร่แผงลอยในหมู่สาธารณชนก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน หลังทางการท้องถิ่นของเมืองใหญ่ เช่น กรุงปักกิ่ง และเซินเจิ้น ระบุชัดเจนว่า ไม่ต้อนรับพ่อค้า-แม่ค้าหาบเร่แผงลอย
ด้านบรรดานักวิเคราะห์กล่าวว่า การเร่ขายตามท้องถนนเป็นสิ่งที่สีจิ้นผิงไม่ปลื้มเอามากๆ เพราะเห็นว่าจะทำให้ภาพลักษณ์ของจีนที่ประสบความสำเร็จและทันสมัยเสื่อมเสีย อีกทั้งแนวคิดพ่อค้า-แม่ค้าที่ตั้งร้านค้าจนล้นถนนในมหานครก็ขัดแย้งกับวิสัยทัศน์ของสีเกี่ยวกับจีน ในฐานะมหาอำนาจที่ก้าวหน้าและเต็มไปด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
อ้างอิง: