ซุนเว่ยตง (Sun Weidong) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน เผยแพร่แถลงการณ์วานนี้ (21 พฤษภาคม) โดยเปิดเผยว่าได้เรียกเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นเข้าพบ เพื่อประท้วงท่าทีของญี่ปุ่นและชาติสมาชิก G7 ซึ่งมีการหารือและออกแถลงการณ์ร่วมในหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจีน ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำ G7 ที่เมืองฮิโรชิมา ของญี่ปุ่นช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในการประชุมผู้นำ G7 ที่เกิดขึ้น มีการแสดงความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดและการขยายอิทธิพลของจีนในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก ตลอดจนแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในจีน ซึ่งรวมถึงกรณีทิเบตและซินเจียง
ขณะที่ซุนกล่าวว่า ญี่ปุ่นร่วมมือกับประเทศสมาชิก G7 ทั้งระหว่างประชุมและออกแถลงการณ์ร่วม เพื่อป้ายสีและโจมตีจีน ตลอดจนแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นการละเมิดทั้งหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และเจตนารมณ์ของเอกสารทางการเมือง 4 ฉบับระหว่างจีนและญี่ปุ่น ซึ่งหมายถึงแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลจีน-ญี่ปุ่น ในปี 1972 เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตของ 2 ประเทศกลับสู่ระดับปกติ
ซุนชี้ว่าการกระทำของญี่ปุ่นนั้นเป็นอันตรายต่ออธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ด้านการพัฒนาของจีน และจีนไม่พอใจอย่างยิ่งและต่อต้านอย่างหนักแน่นต่อท่าทีของผู้นำ G7
“ญี่ปุ่นควรแก้ไขความเข้าใจของตนเกี่ยวกับจีน เข้าใจความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์ ปฏิบัติตามหลักการของเอกสารทางการเมือง 4 ฉบับระหว่างจีนและญี่ปุ่น และส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างมั่นคงและแท้จริง ด้วยทัศนคติที่สร้างสรรค์” ซุนกล่าว
ทางด้าน ฮิโรคาสุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีของญี่ปุ่น กล่าวระหว่างการแถลงสรุปเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (22 พฤษภาคม) ชี้แจงว่านโยบายของญี่ปุ่นต่อจีนนั้นมีความสอดคล้องกัน คือจะยืนหยัดในเรื่องที่จำเป็นและกระตุ้นให้มีพฤติกรรมที่มีความรับผิดชอบ ในขณะเดียวกันก็ดำเนินการเพื่อจัดการกับข้อกังวล และให้ความร่วมมือกันในประเด็นทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้สถานเอกอัครราชทูตจีนในสหราชอาณาจักรขอให้รัฐบาลสหราชอาณาจักรหยุดใส่ร้ายป้ายสีจีนเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเสียหายเพิ่มเติมต่อความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหราชอาณาจักร
ภาพ: Michael Kappeler / Picture alliance via Getty Images
อ้างอิง: