เกิ่งส่วง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงวานนี้ (12 มกราคม) ว่ารัฐบาลจีนมีความไม่พอใจอย่างยิ่งที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ อังกฤษ และญี่ปุ่น ส่งข้อความแสดงความยินดีต่อ ไช่อิงเหวิน หัวหน้าพรรคหมินจิ้นตั่ง (DPP) ที่คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เมื่อวันเสาร์ (11 มกราคม) ที่ผ่านมา ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลายกว่า 57% หรือ 8,200,000 เสียง เอาชนะคู่แข่งสำคัญอย่าง หันกั๋วหยู จากพรรคกั๋วหมินตั่ง (ก๊กมินตั๋ง) ที่ได้คะแนนเสียง 39%
โดยเกิ่งส่วงกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า การเลือกตั้งในไต้หวันนั้นถือเป็นกิจการภายในของจีน และเตือนสหรัฐฯ และชาติต่างๆ ที่ยินดีต่อไช่อิงเหวินว่ากำลังละเมิดหลักการจีนเดียว ซึ่งกำหนดให้ไต้หวันเป็นมณฑลที่ทรยศ (Renegade Province) ของจีน
“จีนแสดงความไม่พอใจอย่างยิ่ง และคัดค้านข้อความยินดีเหล่านี้อย่างแน่วแน่” เกิ่งส่วงกล่าว
“เราคัดค้านการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการระหว่างไต้หวันกับประเทศอื่นๆ ที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน ไม่ว่ารูปแบบใดๆ ก็ตาม” เกิ่งส่วงกล่าว
ก่อนหน้านี้ ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ทวีตข้อความทาง Twitter แสดงความยินดีต่อชัยชนะของไช่อิงเหวินและระบอบประชาธิปไตยของไต้หวัน
“สหรัฐฯ แสดงความยินดีต่อด็อกเตอร์ไช่อิงเหวินที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย ไต้หวันแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง ขอบคุณประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน สำหรับความเป็นผู้นำในการพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งของสหรัฐฯ” ปอมเปโอแสดงความยินดีผ่าน Twitter
ทั้งนี้ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินได้พบปะกับ วิลเลียม เบรนท์ คริสเตนเซน นักการทูตและผู้อำนวยการสถาบันอเมริกันในไต้หวัน หลังคว้าชัยชนะเลือกตั้งเมื่อวานนี้ (12 มกราคม) โดยกล่าวว่าชาวไต้หวันได้แสดงให้โลกเห็นถึงคุณค่าของประชาธิปไตย และยืนยันว่าประชาธิปไตยและเสรีภาพนั้นเป็นทรัพย์สินอันมีค่าของไต้หวันและเป็นรากฐานความเป็นหุ้นส่วนระยะยาวระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ
“เป็นอีกครั้งที่ประชาชนไต้หวันใช้การลงคะแนนเสียงในมือของพวกเขา แสดงให้โลกเห็นถึงคุณค่าของประชาธิปไตย” ไช่อิงเหวินกล่าว
นักวิเคราะห์มองว่า ชัยชนะถล่มทลายของไช่อิงเหวินในการเลือกตั้งครั้งนี้มาจากปัจจัยความสำเร็จในนโยบายส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจไต้หวัน และการวางนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการเป็นแหล่งผลิตสินค้าด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ ท่ามกลางภาวะสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ตึงเครียด ประกอบกับความกังวลหลักของชาวไต้หวัน โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นที่หวั่นวิตกต่อความพยายามขยายอิทธิพลของจีน ซึ่งเห็นได้จากสถานการณ์ประท้วงที่รุนแรงในฮ่องกง
ขณะที่ชัยชนะของไช่อิงเหวินยังถูกมองว่าทำให้ความฝันของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในการนำโมเดลบริหารฮ่องกง ด้วยหลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ มาใช้กับไต้หวันในอนาคตนั้นจบสิ้นลง แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่าจีนยังคงเหลืออีกทางเลือกสำคัญคือการใช้กำลังทหารเข้าควบคุมอำนาจบริหารของไต้หวัน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: