ฉินกัง รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวขณะต้อนรับ วิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ ที่เดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการในวันนี้ (21 กุมภาพันธ์) ว่ารัฐบาลจีนพร้อมเดินหน้าประสานความร่วมมือกับบรรดาชาติสมาชิกในอาเซียน พร้อมสนับสนุนบทบาทนำของอาเซียนในภูมิภาคนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดกรณีทะเลจีนใต้ที่ทั้งจีนและอีกหลายชาติในอาเซียนต่างอ้างกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนในพื้นที่ดังกล่าว
ฉินกังระบุว่า “จีนยินดีที่จะกระชับความสัมพันธ์กับชาติสมาชิกอาเซียน และสร้างโอกาสในการทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความสงบสุข ความเจริญรุ่งเรือง ความงาม และมิตรภาพระหว่างกัน
“อีกทั้งจีนยังยินดีที่จะทำงานร่วมกับประเทศในอาเซียน เพื่อปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Declaration of the Conduct of Parties in the South China Sea) อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมกันรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้”
โดยปฏิญญาที่ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายนี้ได้รับการลงนามจากผู้แทนรัฐบาลจีนและผู้แทนชาติสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2002 ณ กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงของความขัดแย้งในน่านน้ำระดับภูมิภาค และมีเป้าหมายสำคัญคือ การนำข้อตกลงที่มีผลผูกพันไปปฏิบัติ เพื่อจำกัดและบรรเทาความตึงเครียดในพื้นที่แถบทะเลจีนใต้ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและมีความสำคัญอย่างมากในแง่ยุทธศาสตร์ทางทะเล
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ กองทัพเรือสหรัฐอเมริการ่วมซ้อมรบกับกองทัพเรือฟิลิปปินส์ หลังเกิดเหตุพิพาทหน่วยลาดตระเวนชายฝั่งของจีนใช้เลเซอร์ยิงใส่หน่วยลาดตระเวนของกองทัพฟิลิปปินส์ขณะกำลังขนส่งเสบียงในพื้นที่แถบทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ความตึงเครียดในบริเวณดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งทางการจีนและสหรัฐฯ ในขณะนี้ต่างกำลังต้องการยกระดับความร่วมมือกับบรรดาชาติสมาชิกในอาเซียน โดยสหรัฐฯ มองว่าจีนแสดงท่าทีก้าวร้าวในพื้นที่ทะเลจีนใต้ ขณะที่จีนเองก็มองว่าการส่งกองกำลังของสหรัฐฯ เข้ามายังพื้นที่บริเวณนี้ก็ไม่ต่างจากการยั่วยุแต่อย่างใด
โดยกระทรวงการต่างประเทศจีนเผยว่า ฉินกังมีกำหนดการเดินทางเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 21-23 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อเข้าพบประธานาธิบดีโจโก วิโดโดของอินโดนีเซีย และประธานอาเซียนคนปัจจุบัน นับเป็นการเดินทางเยือนอินโดนีเซียครั้งแรก ตั้งแต่ที่ฉินกังขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศจีนต่อจากหวังอี้เมื่อช่วงปลายปี 2022
ภาพ: Thomas Peter / Reuters
อ้างอิง: